แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยมีสิทธิยื่นคำขอพิจารณาคดีใหม่หรือไม่ และศาลชั้นต้นมีอำนาจรับและไต่สวนคำขอพิจารณาคดีใหม่หรือไม่ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ แล้วมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ เพื่อให้โจทก์จำเลยไปดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการต่อไป โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รับอุทธรณ์คำสั่งเฉพาะคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งจำหน่ายคดีโจทก์ คำสั่งที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่นั้นเป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199 เบญจ วรรคสี่ จึงไม่รับ โจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ คำสั่งที่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่จึงถึงที่สุดตามคำสั่งศาลชั้นต้น และถือว่าเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 8 ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 เห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ชอบที่จะพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นยกฟ้องโจทก์ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 กลับพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เพื่อให้คู่ความไปดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการต่อไป คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และ 247
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยแก้ไขความบกพร่องของดาดฟ้า ให้น้ำฝนที่ตกลงมาสู่ดาดฟ้าไหลลงสู่ท่อน้ำทิ้งตามข้อกำหนดในสัญญา มิฉะนั้นขอให้บุคคลภายนอกเป็นผู้กระทำการอันนั้น โดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่าย กับให้ชำระค่าเสียหาย 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแก้ไขความบกพร่องของดาดฟ้า ให้น้ำฝนที่ตกลงมาสู่ดาดฟ้าไหลลงสู่ท่อน้ำทิ้งภายใน 30 วัน มิฉะนั้นให้จำเลยชำระค่าเสียหายที่โจทก์ต้องว่าจ้างบุคคลภายนอกเป็นผู้กระทำการอันนั้น เป็นเงิน 600,000 บาท กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นให้ยก
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและหากศาลได้พิจารณาคดีใหม่จำเลยอาจเป็นฝ่ายชนะ อีกทั้งสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารระหว่างโจทก์จำเลยก็มีข้อตกลงแจ้งชัดว่า กรณีมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นระหว่างคู่สัญญาเกี่ยวกับข้อกำหนดแห่งสัญญาหรือเกี่ยวกับการปฏิบัติตามสัญญาและคู่สัญญาไม่สามารถตกลงกันได้ ให้เสนอข้อโต้แย้งหรือข้อพิพาทนั้นต่ออนุญาโตตุลาการเพื่อพิจารณาชี้ขาด อันมีลักษณะเป็นสัญญาอนุญาโตตุลาการ จำเลยเสนอข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยต่ออนุญาโตตุลาการ ซึ่งอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดถึงที่สุดแล้ว คำชี้ขาดจึงมีผลผูกพันโจทก์
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การภายหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาและศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลย ดังนั้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่เพราะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 สำหรับคดีในส่วนที่อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดและศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการยังไม่ถึงที่สุดและเป็นคนละประเด็นกับคดีนี้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ แต่ข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยนั้นเกี่ยวเนื่องกับสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารซึ่งเป็นประเด็นพิพาทในคดีนี้และได้รับการชี้ขาดจากอนุญาโตตุลาการและศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาบังคับตามคำชี้ขาดแล้ว กรณีมีเหตุสมควรประการอื่น อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 ตรี แล้วมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เพื่อให้โจทก์จำเลยไปดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการต่อไป ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 14 คืนค่าขึ้นศาลแก่โจทก์ 15,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยว่า ปรากฏว่าโจทก์จำเลยเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการเพื่อพิจารณาชี้ขาด อนุญาโตตุลาการพิจารณาและมีคำชี้ขาดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2552 และจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการก่อนที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ จนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการแล้ว หากโจทก์จำเลยไม่เห็นด้วยอย่างไรก็ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 หมวด 7 การยอมรับและบังคับตามคำชี้ขาด ที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยผิดสัญญาไม่แก้ไขดาดฟ้าอาคารให้น้ำฝนที่ตกลงชั้นดาดฟ้าไหลลงสู่ท่อน้ำทิ้งหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกับที่อนุญาโตตุลาการได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหาอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้อุทธรณ์ในปัญหานี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีอำนาจวินิจฉัยได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีสิทธิยื่นคำขอพิจารณาคดีใหม่หรือไม่ และศาลชั้นต้นมีอำนาจรับและไต่สวนคำขอพิจารณาคดีใหม่หรือไม่ เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ แล้วมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ เพื่อให้โจทก์จำเลยไปดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการต่อไป โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รับอุทธรณ์คำสั่งเฉพาะคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งจำหน่ายคดีโจทก์ ส่วนคำสั่งที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่นั้นเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 เบญจ วรรคสี่ จึงไม่รับในส่วนนี้ โจทก์มิได้อุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ คำสั่งที่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่จึงถึงที่สุดตามคำสั่งศาลชั้นต้นและถือว่าเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 8 ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยไม่ใช่ข้อพิพาทเกี่ยวกับข้อกำหนดแห่งสัญญาหรือเกี่ยวกับการปฏิบัติตามสัญญาและคู่สัญญาไม่สามารถตกลงกันได้ แต่เป็นกรณีจำเลยไม่ทำงานตามที่โจทก์ว่าจ้างเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย อีกทั้งโจทก์ก็ยังไม่ได้ตรวจรับงานที่ว่าจ้าง จำเลยจึงยังไม่มีสิทธิเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ โจทก์มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้วินิจฉัยไว้ถูกต้องแล้ว ศาลฎีกาไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษา ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง
อนึ่ง เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 เห็นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ชอบที่จะพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นยกฟ้องโจทก์ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 กลับพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เพื่อให้คู่ความไปดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการต่อไป คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ในส่วนนี้จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และ 247
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกานอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ