คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13577/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ตามสัญญาจ้างตกลงเรื่องการใช้สิทธิทางศาลว่า หากเกิดข้อพิพาทขึ้นจะต้องฟ้องต่อศาลในประเทศกาตาร์ แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวนต่าง ๆ อันเนื่องมาจากการที่จำเลยถูกเลิกจ้างโดยไม่ชอบ เป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานหรือตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 8 (1) อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงาน จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ที่สำนักงานของจำเลย แม้จะให้โจทก์ไปทำงานบนเครื่องบินของจำเลยซึ่งมีเส้นทางการบินทั้งในและต่างประเทศ ก็ย่อมถือได้ว่าสำนักงานของจำเลยอันเป็นสถานที่สำคัญจ้างซึ่งเป็นต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้เกิดอำนาจฟ้องเป็นสถานที่ที่มูลคดีเกิดอีกแห่งหนึ่งด้วย เมื่อสำนักงานของจำเลยตั้งอยู่แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลแรงงานกลางได้ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 33 หาจำต้องนำคดีไปฟ้องยังศาลแห่งประเทศกาตาร์แต่เพียงแห่งเดียวเท่านั้นไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์เท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 3 เดือน เป็นเงินจำนวน 210,913.56 บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 1 เดือน เป็นเงินบาทจำนวน 70,304.52 บาท และจำเลยได้หักเงินประกันจากเงินเดือนของโจทก์ตามข้อผูกพันสัญญาการให้ความช่วยเหลือเป็นเงินประกันค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม จำเลยจึงต้องคืนเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 57,358 บาท ต้องคืนเงินที่หักประกันที่หักเป็นเงินบาทจำนวน 14,460 บาท โจทก์ขอคิดรักษาพยาบาลเป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเลิกจ้างจำนวน 500,000 บาท และโจทก์ยังคงมีทรัพย์สินหลายรายการตกค้างอยู่ที่ประเทศกาตาร์ เช่น กระเป๋าเดินทาง เครื่องประดับส่วนตัว อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีราคารวม 50,000 บาท จึงขอให้จำเลยส่งมอบทรัพย์สินดังกล่าวคืนโจทก์หากส่งมอบไม่ได้ให้ใช้ราคาแทน โจทก์ขอคิดค่าเสียหายจากการเลิกจ้างเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเป็นเวลา 5 ปี เป็นเงินบาท จำนวน 4,218,271.20 บาท รวมเป็นเงินที่จำเลยต้องชำระให้แก่โจทก์ทั้งสิ้น 5,121,307.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามคำฟ้อง คำให้การ และทางพิจารณาของศาลแรงงานกลางฟังได้ว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศกาตาร์ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549 จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ที่สำนักงานของจำเลยซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 36/26 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ต่อมาวันที่ 19 มีนาคม 2552 จำเลยมีหนังสือเลิกจ้างโจทก์ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2552
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลแรงงานกลางหรือไม่ เห็นว่า แม้ตามสัญญาจ้างตกลงเรื่องการใช้สิทธิทางศาลในข้อ 16 ว่า หากเกิดข้อพิพาทขึ้นจะต้องฟ้องต่อศาลในประเทศกาตาร์ แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวนต่าง ๆ อันเนื่องมาจากการที่จำเลยถูกเลิกจ้างโดยไม่ชอบ เป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานหรือตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 8 (1) อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงาน จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ที่สำนักงานของจำเลย แม้จะให้โจทก์ไปทำงานบนเครื่องบินของจำเลยซึ่งมีเส้นทางการบินทั้งในและต่างประเทศ ก็ย่อมถือได้ว่าสำนักงานของจำเลยอันเป็นสถานที่ทำสัญญาจ้างซึ่งเป็นต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้เกิดอำนาจฟ้องเป็นสถานที่ที่มูลคดีเกิดอีกแห่งหนึ่งด้วย เมื่อสำนักงานของจำเลยตั้งอยู่แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลแรงงานกลางได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 33 หาจำต้องนำคดีไปฟ้องยังศาลแห่งประเทศกาตาร์แต่เพียงแห่งเดียวเท่านั้นไม่ ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ต่อศาลแรงงานกลางแล้วพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น ส่วนประเด็นข้อพิพาทอื่นศาลแรงงานกลางยังมิได้วินิจฉัยมาให้ครบถ้วน จึงต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยเสียก่อน
พิพากษายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยในประเด็นที่ยังมิได้วินิจฉัยแล้วพิพากษาไปตามรูปคดี

Share