คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1357/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ผู้ว่าราชการจังหวัดโดยอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้มีคำสั่งตามพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. 2497 มาตรา 45ให้ถอนใบอนุญาตของจำเลยในฐานะเป็นเจ้าของโรงเรียนราษฎร์ เพราะกระทำผิดต่อพระราชบัญญัตินั้นหลายประการ แต่จำเลยก็ได้อุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้นตามมาตรา 59 แล้ว ในขณะที่ยังไม่มีคำสั่งที่ถึงที่สุดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการนั้น โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยว่ากระทำความผิดฐานฝ่าฝืนดำรงกิจการดำเนินการเปิดสอนและไม่ปฏิบัติหน้าที่รวบรวมหลักฐานส่งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตามพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. 2497 มาตรา 43, 48, 52

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของผู้จัดการโรงเรียนราษฎร์เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๑๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้มีคำสั่งอนุมัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดถอนใบอนุญาตของจำเลยในฐานะเป็นเจ้าของโรงเรียนนั้นเสีย เพราะกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. ๒๔๙๗ หลายประการ ต่อมาเจ้าพนักงานได้มีหนังสือลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๑๕ และลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๑๕แจ้งให้จำเลยทราบว่าผู้ว่าราชการจังหวัดโดยอนุมัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีคำสั่งถอนใบอนุญาตของจำเลยในฐานะเจ้าของโรงเรียนราษฎร์นั้น จำเลยทราบคำสั่งแล้วยังฝ่าฝืนดำรงกิจการดำเนินการเปิดสอนนักเรียนอีกตลอดมาจนถึงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ และเมื่อระหว่างวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๑๕ เวลากลางวันกลางคืนต่อเนื่องกัน ถึงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ จำเลยทราบคำสั่งเป็นหนังสือของเจ้าพนักงานตามกฎหมายที่แจ้งคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดโดยอนุมัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้ถอนใบอนุญาตของจำเลยในฐานะเป็นเจ้าของโรงเรียนราษฎร์แล้ว จำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการโรงเรียนราษฎร์นั้น มีหน้าที่ต้องรวบรวมหลักฐานแห่งผลการสอบซ้อม ผลการสอบไล่ และใบสุทธิ พร้อมด้วยทะเบียนนักเรียน บัญชีเรียกชื่อนักเรียน สมุดหมายเหตุรายวันของโรงเรียนส่งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายใน ๗ วัน แต่จำเลยกลับฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามโดยปราศจากเหตุที่จะอ้างตามกฎหมายได้ ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๔๓, ๔๘, ๕๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔
จำเลยให้การปฏิเสธ และว่าแม้ข้อเท็จจริงฟังได้ตามฟ้องโจทก์การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นผิด ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นสอบถามโจทก์จำเลยแล้ว จำเลยรับว่าจำเลยได้รับทราบคำสั่งถอนใบอนุญาตเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๑๕ จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อปลัดกระทรวงศึกษาธิการผู้ใช้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๑๕ จำเลยเพิ่งทราบผลการอุทธรณ์คำสั่งเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๑๖ ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยเสีย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มีคำสั่งให้ถอนใบอนุญาต ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. ๒๔๙๗มาตรา ๕๙ ผู้ถูกถอนใบอนุญาตย่อมอุทธรณ์คำสั่งต่อรัฐมนตรีได้ภายในกำหนดหนึ่งเดือน ฉะนั้น ระหว่างที่รอฟังคำสั่งอยู่นั้น จะกล่าวโทษว่าจำเลยกระทำผิดไม่ได้ เพราะคำสั่งยังไม่ถึงที่สุด คดีนี้จำเลยทราบคำสั่งให้ยกอุทธรณ์เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๑๖ ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากที่โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยแล้ว ขณะที่ยื่นฟ้องโจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีต้องด้วยพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๕๙ ต้องถือว่าคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดตามมาตรา ๔๕ นั้น ยังไม่ถึงที่สุด เพราะจำเลยซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแล้ว คดีได้ความตามพยานเอกสารที่คู่ความส่งอ้างว่าปลัดกระทรวงศึกษาธิการผู้ใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้มีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย และคำสั่งดังกล่าวได้แจ้งผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช จำเลยได้รับทราบคำสั่งของปลัดกระทรวงศึกษาธิการผู้ใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแล้วตามหนังสือของอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชที่ นศ. ๕๑/๓๕๙ ลงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๑๖ (เอกสารหมาย ล.๑) จำเลยแถลงว่าจำเลยได้รับทราบหนังสือเอกสารหมาย ล.๑ นี้ เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๑๖ คดีนี้โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๑๕ จึงเป็นที่เห็นได้ชัดว่าโจทก์ได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตั้งแต่ก่อนที่จำเลยจะได้ทราบคำสั่งของปลัดกระทรวงศึกษาธิการผู้ใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงเท่ากับว่าโจทก์ได้ฟ้องจำเลยตั้งแต่ขณะที่ยังไม่มีคำสั่งที่ถึงที่สุดของรัฐมนตรี ฉะนั้นในขณะที่ฟ้องคดีนี้โจทก์จึงยังหามีอำนาจฟ้องไม่ ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share