คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีเกี่ยวกับมฤดกของคนถือสาสนาอิสลาม ต้องใช้กฎหมายอิสลามบังคับ พะยาน หน้าที่นำสืบ ข้อความที่ศาลรู้เอง คดีที่ต้องใช้กฎหมายอิสลามบังคับนั้น เป็นหน้าที่ของศาลเป็นผู้ใช้กฎหมายบังคับแก่คู่ความ หาใช่เป็นหน้าที่ของคู่ความจะต้องนำสืบไม่

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าพระยาภูมินาถภักดีซึ่งเป็นผู้ถือสาสนาอิสลามได้ทำพินัยกรรม์ยกทรัยพ์ให้ภริยาและบุตร์หลาน โจทก์มีสิทธิ์ได้รับตามพินัยกรรม์ จึงฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลย
ชั้นพิจารณาโจทก์จะขอนำพะยานมาสืบ ๓ ข้อ คือ
๑. สืบลัทธิประเพณีสาสนาอิสลามเพราะโจทก์ถือว่าลัทธิประเพณีสาสนาอิสลามไม่ใช่กฎหมายของประเทศสยาม
๒. สืบพิธีการให้ทรัพย์มฤดกซึ่งโจทก์ยังไม่ทราบว่าพระยาภูมินาถได้กระทำหรือไม่และ ๓ ฯลฯ
ศาลจังหวัดสตูลเห็นว่าไม่ควรสืบพะยานโจทก์ทั้ง ๓ ข้อจึงสั่งให้งดเสีย แล้วยกบทกฎหมายอิสลามขึ้นวินิจฉัยรวมความว่าพินัยกรรม์ที่โจทก์อ้างขัดต่อกฎหมายอิสลามเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับทรัพย์ตามพินัยกรรม์ พิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ตัดสินยืน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาข้อแรกมีว่ากฎหมายจารีตแห่งประเพณีอิสลามนั้นเป็นหน้าที่ของศาลจะต้องรู้เองหรือว่าจะต้องให้คู่ความนำสืบ เห็นว่าตามตราสารกระทรวงยุตติธรรมที่ ๓๐/๔๓๕๓ ลงวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๐ ประกอบด้วยกฎข้อบังคับปกครองบริเวณเจ็ดหัวเมือง ร.ศ.๑๒๐ ข้อ ๓๒ บังคับให้ใช้กฎหมายอิสลามและให้โต๊ะกาลีเป็นผู้พิพากษา คดีเรื่องนี้ก็มี+โต๊ะยุตติธรรม(โต๊ะกาลี) เป็นผู้พิพากษาพิจารณาคดีอยู่แล้วซึ่งเป็นหน้าที่ต้องนำบทกฎหมายอิสลามมาบังคับคดี หาใช่หน้าที่ของคู่ความจะต้องนำสืบไม่ ทั้งมิได้มีกฎหมายบังคับให้คู่ความต้องนำสืบในเรื่องเช่นนี้ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง

Share