คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จะถือว่าหนังสือทวงหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีการส่งโดยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 76 ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2524 แล้วก็ตาม ก็ยังถือเป็นเด็ดขาดไม่ได้ว่าผู้ร้องได้รับในวันที่ส่งนั้น ผู้ร้องอาจนำสืบความจริงว่าตนได้รับเมื่อใด เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่าตนได้ตอบปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดได้ แต่เมื่อข้อนำสืบของผู้ร้องฟังไม่ได้ก็ต้องถือว่าผู้ร้องได้รับทราบหนังสือทวงหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วตั้งแต่วันที่ 11 ฤษภาคม 2524 ผู้ร้องตอบปฏิเสธหนี้เกินกำหนด 14 วันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 119 ชอบที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะยกคำร้องของผู้ร้องที่ปฏิเสธหนี้ดังกล่าวเสีย.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือถึงผู้ร้องแจ้งให้ชำระหนี้ค่าหุ้นที่ผู้ร้องค้างชำระบริษัทจำเลยซึ่งถูกศาลชั้นต้นสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำนวน ๗๕,๐๐๐ บาท พนักงานเดินหมาย กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรมได้นำหนังสือดังกล่าวไปส่งที่ภูมิลำเนาของผู้ร้อง และมีผู้รับหนังสือนั้นไว้แทนผู้ร้องเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๒๔’ ต่อมาวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๒๔ ผู้ร้องมอบอำนาจให้ทนายความยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า เพิ่งทราบเรื่องเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๒๔ ขอปฏิเสธหนี้ดังกล่าว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เห็นว่าผู้ร้องไม่ได้ปฏิเสธหนี้ภายในกำหนด ๑๔ วัน นับแต่วันรับหนังสือทวงหนี้จึงยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องโต้แย้งคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาลชั้นต้น
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านว่า ผู้ร้องมิได้ปฏิเสธหนี้ภายในกำหนดเวลา ถือว่าเป็นหนี้กองทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นการเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๙
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การส่งหนังสือทวงหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ชอบ พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับคำร้องของผู้ร้องไว้สอบสวนและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีได้ความในเบื้องต้นว่า หนังสือของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ลงวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๒๔ แจ้งให้ผู้ร้องชำระหนี้หรือปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น พนักงานเดินหมายกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ได้ไปส่งที่บ้านเลขที่๑๖๕/๔๗ ซอยเกียรติคุณ ถนนเพชรบุรี แขวงทุ่งพญาไท เขตพญาไทกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ร้องไม่พบตัวผู้ร้อง นายสมศักดิ์เป็นผู้รับไว้แทนเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๒๔ ผู้ร้องได้มีหนังสือลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๒๔ ถึงเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตอบปฏิเสธหนี้ ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถือว่าพ้นกำหนดเวลาปฏิเสธหนี้แล้ว มีปัญหาว่าผู้ร้องได้รับหนังสือของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ลงวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๒๔ เมื่อใด เพราะแม้จะถือว่าหนังสือของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวได้มีการส่งโดยชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๗๖ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๒๔ แล้วก็ตาม ก็ยังถือเป็นเด็ดขาดไม่ได้ว่าผู้ร้องได้รับในวันที่ส่งนั้นผู้ร้องอาจนำสืบความจริงว่าตนได้รับเมื่อใด เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่า ตนได้ตอบปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด จะถือว่าผู้ร้องไม่ได้ปฏิเสธหนี้ภายในกำหนด เพราะเหตุที่ว่าได้ส่งหนังสือของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปยังภูมิลำเนาของผู้ร้องแต่ประการเดียวหาได้ไม่ แต่อย่างไรก็ดีปรากฏข้อเท็จจริงว่า ข้อนำสืบของผู้ร้องขัดกัน และแตกต่างไปจากข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องกล่าวอ้างมาในคำร้อง ข้ออ้างของผู้ร้องที่ยกขึ้นโต้แย้งคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จึงไม่อาจรับฟังได้ข้อเท็จจริงต้องถือว่า ผู้ร้องได้รับทราบหนังสือของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ลงวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๒๔ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๒๔ คำตอบปฏิเสธหนี้ของผู้ร้องจึงเกินกำหนด ๑๔ วันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๙ ชอบที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะยกคำร้องของผู้ร้องที่ปฏิเสธหนี้ดังกล่าว
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น.

Share