คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามหนังสือสัญญากู้เงินที่จำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปจำนวน 360,000 บาท ระบุว่าเพื่อเป็นหลักฐานในเงินซึ่ง ข้าพเจ้าได้กู้ไปนี้ ข้าพเจ้าได้นำเช็คจำนวน 1 ฉบับแนบคู่สัญญาให้ท่านยึดไว้เป็นประกันด้วย ข้อความที่ระบุดังกล่าวมีความหมายชัดแจ้งว่าเช็คนั้นเป็นเช็คที่จำเลยออกให้โจทก์เป็นหลักประกันในการที่จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไปมิใช่เช็คที่จำเลยออกให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ แม้ตามหนังสือสัญญากู้เงินจะมีข้อความว่าในจำนวนเงินซึ่งข้าพเจ้าได้กู้ไปนี้ ข้าพเจ้าจะนำมาใช้ให้ท่านเสร็จภายในวันที่ 2กรกฎาคม 2539 ซึ่งเป็นวันที่ลงไว้ในเช็คก็ตาม ก็จะตีความว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ไม่ได้เพราะมีความหมายเพียงว่า จำเลยจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ภายในวันที่ที่ระบุไว้เท่านั้น เมื่อจำเลยออกเช็คเพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้ มิได้ออกเพื่อชำระหนี้แล้ว จำเลยย่อมไม่มีความผิด แม้ต่อมา จำเลยจะได้ขอผัดผ่อนชำระเงินต้นคืนแก่โจทก์ และขอให้โจทก์ อย่านำเช็คไปเรียกเก็บเงินก็ไม่ทำให้จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4(2) จำคุก 1 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2537 จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์จำนวน 360,000 บาท และจำเลยได้ออกเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัดสาขาพัทลุง หมายเลขเช็ค 2239123 ลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2539สั่งจ่ายเงินจำนวน 360,000 บาท มอบให้แก่โจทก์ไว้ ต่อมาวันที่ 9 กรกฎาคม 2539 โจทก์นำเช็คฉบับดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้เหตุผลว่า เงินในบัญชีไม่พอจ่าย คดีนี้มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ตามหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.1 นั้น จำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปจำนวน 360,000 บาทและมีข้อความระบุไว้ในข้อ 2 ของสัญญาดังกล่าวว่า เพื่อเป็นหลักฐานในเงินซึ่งข้าพเจ้าได้กู้ไปนี้ ข้าพเจ้าได้นำเช็คจำนวน 1 ฉบับ แนบคู่สัญญาตามเช็คเลขที่ 2239123 ธนาคารกรุงไทย จำกัดให้ท่านยึดไว้เป็นประกันด้วย ข้อความที่ระบุไว้ดังกล่าวย่อมมีความหมายชัดแจ้งว่า เช็คดังกล่าวซึ่งก็คือเช็คตามเอกสารหมาย จ.2เป็นเช็คที่จำเลยได้ออกให้แก่โจทก์เป็นหลักประกันในการที่จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป มิใช่เช็คที่จำเลยออกให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้แม้ตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.1 ข้อ 3จะมีข้อความว่าในจำนวนเงินซึ่งข้าพเจ้าได้กู้ไปนี้ข้าพเจ้าจะนำมาใช้ให้ท่านเสร็จภายในวันที่ 2 กรกฎาคม 2539 ซึ่งเป็นวันที่ลงไว้ในเช็คเอกสารหมาย จ.2 ก็ตาม ก็จะตีความว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ไม่ได้ เพราะมีความหมายเพียงว่า จำเลยจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ภายในวันที่ที่ระบุไว้เท่านั้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยออกเช็คตามเอกสารหมาย จ.2เพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้มิได้ออกเพื่อชำระหนี้แล้วจำเลยย่อมไม่มีความผิดตามฟ้อง แม้ต่อมาจำเลยจะได้ขอผัดผ่อนชำระเงินต้นคืนแก่โจทก์ และขอให้โจทก์อย่านำเช็คไปเรียกเก็บเงินก็ไม่ทำให้จำเลยมีความผิดตามฟ้องแต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share