คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอกสารอยู่ในกระดาษฟูลสะแก๊ปแผ่นเดียวกัน 1 ซีก ซีกหนึ่งเป็นพินัยกรรม อีกซีกหนึ่งเป็นสัญญาผูกแก้ (สัญญาเช่าอย่างหนึ่ง) จำเลยได้ฉีกกระดาษ 2 ซีกแผ่นนี้ให้ขาดออกจากกันเป็นซีกละแผ่น (ข้อความคงเดิม) และจำเลยฉีกก่อน จำเลยได้รับหมายเรียกจากศาลให้ส่งพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพยาน เช่นนี้ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 142 เพราะ ขณะฉีกเอกสารรายนี้ ยังไม่ใช่เอกสารที่ศาลสั่งให้จำเลยส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน
อนึ่ง เมื่อจำเลยฉีกให้ขาดโดยไม่ได้ทำให้โจทก์หรือผู้ใดเสียหาย และโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยเจตนาทำให้เอกสารไร้ประโยชน์จำเลยก็ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานในคดีแพ่งที่จำเลยฟ้องโจทก์ อ้างพินัยกรรมของนายถึก นางเหลี่ยม ซึ่งอยู่ที่จำเลย ศาลหมายเรียกให้จำเลยส่งพินัยกรรมดังกล่าว จำเลยส่งพินัยกรรมนี้ต่อศาลหมายโจทก์ตรวจดูแล้วปรากฎว่า จำเลยนำส่งต่อศาลเพียงพินัยกรรมซึ่งเป็นกระดาษฟุลสะแก๊ปซีกเดียว ไม่มีสัญญาผูกแก้ที่เขียนอยู่ในกระดาษฟุลสะแก๊ปอีกซีกหนึ่ง โจทก์แถลงคัดค้าน จำเลยจึงนำสัญญาผูกแก้ดังกล่าวมาส่งศาล จำเลยรับต่อศาลว่าเดิมเป็นเอกสาร ๒ ซีกติดกัน โจทก์อ้างแต่พินัยกรรมเท่านั้น จำเลยจึงฉีกซีกที่ เป็นสัญญาผู้แก้ออกไว้เสีย การกระทำของจำเลยทำให้เสียหายซึ่งเอกสารที่ศาลให้ส่งเป็นพยานและทำให้เสียหายซึ่งเอกสารของผู้อื่นให้ประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตประสงค์จะบิดเบือนข้อเท็จจริงแห่งคดี ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๒,๑๘๘ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง แล้วพิพากษาคดีของโจทก์ไม่มีมูล ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเอกสารรายนี้อยู่ในกระดาษฟุลสะแก๊ปแผ่นเดียวกันซึ่งมี ๒ ซีก โดยซีกหนึ่งเป็นพินัยกรรม อีกซีกหนึ่งเป็นสัญญาผูกแก้ (สัญญาเช่าอย่างหนึ่ง) จำเลยได้ฉีกกระดาษ ๒ ซีก แผ่นนี้ให้ขาดออกจากกันเป็นซึกละแผ่น (ข้อความมีอยู่อย่างไรก็คงมีอยู่อย่างนั้น และฉีกออกเช่นนั้น ตั้งแต่ก่อนโจทก์ถูกจำเลยฟ้องคดีแพ่งแล้ว ไม่ใช่เพิ่งฉีกเมื่อจำเลยได้รับหมายเรียกพินัยกรรมนั้น จากศาลแล้ว ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๒ เพราะเมื่อจำเลยฉีก เอกสารายนี้หาใช่เอกสารที่ได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๒ ไม่
อนึ่งเมื่อจำเลยฉีกให้ขาดเช่นนั้น ไม่ได้ทำให้โจทก์หรือผู้ใดเสียหาย และโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยเจตนาทำให้เอกสารนั้นไร้ประโยชน์ จำเลยก็ไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๘๘ พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาของโจทก์เสีย

Share