แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยึดทรัพย์จำเลยเพื่อบังคับคดีโดยการขายทอดตลาดของศาล ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าทรัพย์สินที่ยึดเป็นของผู้ร้อง ๆ กำลังฟ้องขอให้ทำลายการโอน ซึ่งจำเลยรับโอนไปโดยปลอมใบมอบอำนาจและขอให้ทำลายการจำนองระหว่างโจทก์จำเลยอยู่แล้ว ขอให้ศาลงดการขาดทอดตลาดทรัพย์สินรายนี้ไว้ก่อน ดังนี้ ศาลย่อมใช้ดุลยพินิจงดการขายได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 306 ประกอบด้วยมาตรา 292 (2)
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยขอบังคับจำนอง ศาลแพ่งพิพากษาบังคับให้จำเลยไถ่ถอนการจำนอง แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ได้นำยึดทรัพย์สินที่จำนองเพื่อบังคับคดี โดยการขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์สินที่ยึดเป็นของผู้ร้องจำเลยได้ปลอมหนังสือมอบอำนาจให้นายประสาร เทียมพิทักษ์จัดการโอนกรรมสิทธิทรัพย์สินรายนี้ให้แก่จำเลย แล้วจำเลยรับทำสัญญาจำนองแก่โจทก์ ผู้ร้องได้ฟ้องศาลแพ่งศาลเดียวกันนั้น ขอให้ทำลายการโอนและการจำนองดังกล่าวแล้ว จึงขอให้ศาลงดการทอดตลาดทรัพย์สินรายนี้ไว้ก่อน
โจทก์คัดค้าน
ศาลแพ่งอนุญาตให้งดการขาย รอฟังผลของคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์นั้นก่อน
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า ผู้ร้องมิได้เป็นคู่ความด้วย
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๙๒ (๒) ประกอบกับข้อความในวรรคสุดท้ายของมาตรานั้น และมาตรา ๓๐๖ บุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียอาจคัดค้านในการขายทรัพย์นี้ได้ เมื่อศาลได้ใช้ดุลยพินิจพิจารณาเห็นเป็นการสมควร ก็มีคำสั่งให้งดการขายไว้ไ้ด ผู้ร้องไม่จำต้องร้องขัดทรัพย์ตามมาตรา๒๘๘ เสียก่อน เมื่อศาลสั่งให้ไปฟ้องเป็นคดีอีกคดีหนึ่ง จึงจะงดการขายทรัพย์ หรือไม่จำต้องไปร้องขอคุ้มครองสิทธิและประโยชน์ ในคดีที่ตนฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่งนั้น
จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น