คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีแพ่งเกี่ยวด้วยเรื่องมรดกที่โจทก์จำเลยต่างนับถือศาสนาอิสลามและอยู่ในเขตต์จังหวัดปัตตานี นั้น ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี ฯ พ.ศ.2489 บัญญัติให้ใช้กฎหมายอิสลามบังคับและในศาลชั้นต้นให้ตะโต๊ะยุติธรรมนั่งพิจารณาพร้อมด้วยผู้พิพากษา แต่ถ้ามีการพิจารณาคดีนั้นไปโดยมิได้มีตะโต๊ะยุติธรรมนั่งพิจารณาร่วมด้วยผู้พิพากษาแล้ว ศาลสูงก็มีอำนาจที่ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาคดีเสียใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายไม่จำต้องยกฟ้องโดยให้ไปฟ้องใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์ กับเรียกค่าเสียหายที่จำเลยทำละเมิด
จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิที่พิพาท
ทางพิจารณาได้ความว่า ทรัพย์ที่พิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับสามี สามีโจทก์ตาย จึงตกเป็นมรดกแก่โจทก์และนายเจ๊ะแตบุตรโจทก์ซึ่งเป็นสามีจำเลย นายเจ๊ะแตตายจำเลยจึงได้รับมรดกส่วนของนายเจ๊ะแตด้วย คดีนี้โจทก์จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตจังหวัดปัตตานีและคู่ความต่างนับถือศาสนาอิสลาม จึงต้องใช้กฎหมายอิสลามบังคับ แต่คดีนี้ตะโต๊ะยุติธรรมไม่ได้นั่งพิจารณาด้วย จึงจะพิจารณาพิพากษาไม่ได้ ให้ยกฟ้องในข้อนี้ แต่ไม่ตัดสิทธิของคู่ความที่จะว่ากล่าวกันใหม่ภายในอายุความ ฯลฯ
โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปความ
โจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลล่างทั้งสองว่า กรณีสมควรจะแบ่งทรัพย์รายนี้ให้เสร็จสิ้นกันไป แต่เมื่อคดีนี้โจทก์จำเลยต่างนับถือศาสนาอิสลามและมีการจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดเกี่ยวด้วยเรื่องครอบครัวและมรดกอิสลามศาสนิกของศาลจังหวัดปัตตานี ซึ่งตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี ฯ พ.ศ.๒๔๘๙ ให้ใช้กฎหมายอิสลามบังคับ และในศาลชั้นต้นให้ตะโต๊ะยุติธรรมนั่งพิจารณาพร้อมด้วยผู้พิพากษา แต่คดีนี้ยังหาได้ปฏิบัติเช่นนั้นไม่ ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ที่ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ไม่จำต้องยกฟ้องโดยให้ไปฟ้องใหม่ดังคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จึงพิพากษายืน

Share