คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา 2 ประการ แม้ข้ออ้างอันหนึ่งจะไม่แสดงแจ้งชัดเป็นฟ้องเคลือบคลุม แต่ข้อหาอีกข้อหนึ่งไม่เคลือบคลุม ฟ้องของโจทก์ก็หาเสียไปทั้งฉบับไม่
ฟ้องที่อ้างว่าจำเลยให้เช่าช่วงบ้านแต่มิได้ระบุว่าให้ใครเช่า เช่าเมื่อใด ค่าเช่าเท่าใดนั้น หาเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่
การคัดค้านการที่ผู้มีหน้าที่นำสืบภายหลังไม่ถามค้านพยานของคู่ความฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนนั้น จะต้องคัดค้านเสียในขณะที่พยานของฝ่ายสืบภายหลังกำลังเบิกความ จะมาคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
คดีฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายด้วย ซึ่งเมื่อคำนวณเงินค่าขึ้นศาลตามจำนวนค่าเสียหายแล้วเป็นเงินไม่เกิน 15 บาทคู่ความคงต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 15 บาทเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยคนละสำนวนศาลรวมพิจารณาพิพากษาไปด้วยกันโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าบ้านโจทก์อยู่ จำเลยผิดสัญญา ดัดแปลงต่อเติมและเอาบ้านไปให้ผู้อื่นเช่าช่วง หรือเข้าอยู่ ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย

จำเลยให้การต่อสู้และตัดฟ้องว่าฟ้องเคลือบคลุม จำเลยได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

ระหว่างพิจารณาศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องที่เกี่ยวกับค่าเสียหายได้

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ฟ้องโจทก์ในข้อที่อ้างว่าจำเลยดัดแปลงต่อเติมบ้านเช่าจะเป็นฟ้องเคลือบคลุมแต่ข้อที่อ้างว่าจำเลยเอาบ้านให้เช่าช่วงนั้น แม้โจทก์จะมิได้บรรยายว่าให้เช่าช่วงเมื่อไร ใครเป็นผู้เช่า ค่าเช่าเท่าไร ก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ ฟ้องของโจทก์ไม่เสียไปทั้งฉบับ ส่วนฎีกาอีกข้อที่ว่าโจทก์มีหน้าที่สืบภายหลังไม่ถามค้านพยานจำเลยเสียก่อน ต้องห้ามมิให้รับฟังพยานโจทก์ที่สืบภายหลังนั้น เห็นว่าจำเลยจะต้องคัดค้านเสียในขณะที่พยานโจทก์กำลังเบิกความจะมาคัดค้านชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ คดีนี้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลมาสำนวนละ 30 บาท ไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษายืนและให้คืนค่าขึ้นศาลที่เรียกเกินแก่ผู้ฎีกาไป

Share