แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรถ้าศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์และจำเลยอุทธรณ์ขอให้พิพากษายกฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์ศาลอุทธรณ์ไม่ชอบที่จะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานรับของโจร.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 11 ให้จำคุก 4 ปี และให้จำเลยใช้ราคาโค 4,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจร พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 จำคุก2 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ จึงถือได้ว่า ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ข้อหาฐานรับของโจร จำเลยอุทธรณ์ขอให้พิพากษายกฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์ ประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยคือ จำเลยได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีความผิดฐานลักจึงชอบแล้ว แต่ที่ศาลอุทธรณ์กลับไปวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีความผิดฐานรับของโจร และพิพากษาลงโทษจำเลยฐานรับของโจรนั้น จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาขอให้ยกฟ้องข้อหาฐานรับของโจรได้ และศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่เพราะศาลอุทธรณ์ได้ยกฟ้องจำเลยในข้อหาฐานลักทรัพย์แล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ข้อหาฐานรับของโจร นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.