คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1340/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสองเป็นบุตรที่รับรองแล้วของ ส. เป็นผู้สืบสันดานของ ส.มีสิทธิรับมรดกของส. กรณีต้องด้วย ป.พ.พ. มาตรา 1627ซึ่งบัญญัติให้ถือว่าบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ โจทก์ทั้งสองย่อมมีอำนาจยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ศาลสั่งให้ ส. ซึ่งเป็นบุคคลวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถ ตามมาตรา 29 ได้ และโดยนัยเดียวกัน แม้จำเลยเป็นผู้อนุบาลของ ส. ตามคำสั่งศาลอยู่แล้วก็ตาม ถ้า มีเหตุอันสมควร โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียก็ย่อมมีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนจำเลยจากการเป็นผู้อนุบาลและตั้งโจทก์ทั้งสองเป็นผู้อนุบาลต่อไปได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้อนุบาลและตั้งโจทก์ทั้งสองเป็นผู้อนุบาลแทนจำเลย
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์ทั้งสองไม่ใช่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของนายสมศักดิ์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า งดสืบพยานโจทก์และจำเลยพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ทั้งคำสั่งที่ให้งดสืบพยานและคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้เพิกถอนจำเลยจากการเป็นผู้อนุบาลของนายสมศักดิ์ กิจไชยา และให้ตั้งโจทก์ทั้งสองเป็นผู้อนุบาลต่อไป โดยโจทก์ทั้งสองกล่าวอ้างในคำฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองเป็นบุตรที่รับรองแล้วของนายสมศักดิ์เป็นผู้สืบสันดานของนายสมศักดิ์ มีสิทธิรับมรดกของนายสมศักดิ์ ซึ่งถ้าข้อเท็จจริงเป็นไปตามข้อกล่าวอ้างของโจทก์ทั้งสอง กรณีก็ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 ซึ่งบัญญํติให้ถือว่าบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้วเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ โจทก์ทั้งสองย่อมมีอำนาจยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ศาลสั่งให้นายสมศักดิ์ซึ่งเป็นบุคคลวิกลจริต เป็นคนไร้ความสามารถตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 29 ได้และโดยนัยเดียวกัน แม้จำเลยเป็นผู้อนุบาลของนายสมศักดิ์ตามคำสั่งศาลอยู่แล้วก็ตาม ถ้ามีเหตุอันสมควร โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียก็ย่อมมีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนจำเลยจากการเป็นผู้อนุบาลและตั้งโจทก์ทั้งสองเป็นผู้อนุบาลต่อไปได้ โจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้…”
พิพากษายืน.

Share