แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199 เบญจ วรรคสี่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้อง จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกนายเสน่ห์ สุดถนอมชำระเงิน 1,699,699.35 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงิน 1,358,833.53 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์โดยให้รับผิดไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกของนายเสน่ห์ ผู้วายชนม์ที่ตกทอดแก่จำเลย หากจำเลยไม่ชำระหรือชำระไม่ครบ ให้ยึดห้องชุดเลขที่ 160/790 – 792 ชั้นที่ 31 อาคารชุดไอทีเอฟ – สีลมพาเลส ออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ฉบับแรกลงวันที่ 25 สิงหาคม 2541 ว่า จำเลยมิได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง จำเลยได้พยายามติดต่อกับโจทก์และได้ยื่นแถลงต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ความสะดวกแก่โจทก์ แต่มิได้รับการตอบรับจากโจทก์ จนวันที่ 22 กรกฎาคม 2541 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ปิดหมายเรื่องการยึดทรัพย์ที่ด้านหน้าประตู จำเลยจึงทราบคำพิพากษาและยื่นคำแถลงเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2541 เพื่อขอคัดเอกสารทังหมด แล้วได้รับเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2541 จึงขอศาลให้โอกาสจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขอพบผู้ยื่นคำร้อง
ต่อมาวันที่ 11 กันยายน 2541 จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่สามารถแต่งตั้งทนายความได้ จึงขอขยายระยะเวลาในการดำเนินการจัดหาทนายความและขอให้ศาลออกหนังสือตราตั้งเพื่อที่จำเลยนำไปขอความช่วยเหลือในการตั้งทนายความโดยมีระยะเวลา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องเข้าพบเพราะว่าคำขอพิจารณาคดีใหม่ฉบับลงวันที่ 25 สิงหาคม 2541 ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ผู้ร้องมิใช่ทนายความร่างคำร้องเองอาจจะไม่รอบคอบ ศาลจึงมีคำสั่งให้ผู้ร้องแต่งตั้งทนายความเข้ามายื่นคำร้องเพื่อประโยชน์ของผู้ร้อง การที่ผู้ร้องไม่มีความสามารถตั้งทนายความได้ด้วยเหตุต่างๆ เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจำพิจารณาเอาตามความเหมาะสม เพราะศาลมิได้กำหนดระยะเวลาให้ผู้ร้องตั้งทนายความเข้ามาภายในกี่วัน กรณีไม่จำต้องขยายระยะเวลาตามคำขอหนังสือตราตั้งตามที่อ้างในคำร้อง ไม่มีบทบัญญัติตามกฎหมายที่ศาลสั่งตามขอ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
วันที่ 13 ตุลาคม 2541 จำเลยยื่นคำร้องขอทำการเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ซึ่งเป็นสิทธิที่จำเลยควรจะได้รับจากผู้วายชนม์ ขอให้งดการยึดทรัพย์ของจำเลยไว้เป็นการชั่วคราว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ากรณีไม่มีเหตุที่จะงดการบังคับคดีไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 การเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ชอบที่จะดำเนินคดีอีกส่วนหนึ่งจำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้งดการยึดทรัพย์จำเลยชั่วคราว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา จำเลยฎีกาคำสั่ง ศาลฎีกาสั่งว่าคำขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ต้องยื่นต่อศาลชั้นต้น เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งแล้ว จึงจะอุทธรณ์ฎีกาได้ตามบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์ฎีกาคดีนี้แม้จำเลยจะยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ต่อศาลชั้นต้นแล้วตามคำร้องฉบับลงวันที่ 25 สิงหาคม 2541 แต่ศาลชั้นต้นยังมิได้สั่งรับหรือไม่รับคำร้องดังกล่าวประการใดจำเลยจะฎีกาขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้พิจารณาใหม่เลยทีเดียวไม่ได้ เพราะไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้พิจารณาใหม่ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ฉบับที่สองลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2544 ว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีไม่ถูกต้องเพราะมิได้รับฟังพยานหลักฐานอย่างครบถ้วน การที่ศาลชั้นต้นฟังคำให้การพยานโจทก์แล้วมีคำพิพากษาในวันเดียวกันเช่นนี้ ไม่เป็นธรรมแก่จำเลย ศาลชั้นต้นพิจารณาอย่างคดีมโนสาเร่เป็นการไม่ชอบ จำเลยมีทางชนะคดีได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ทั้งสองฉบับ ค่าคำร้องแต่ละฉบับเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 เบญจ วรรคสี่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกา ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นฎีกาแก่จำเลย