คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1339/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องขอหย่าและให้ริบทรัพย์โดยอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งผิดทานบล เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์จำเลยไม่เป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วย ก.ม.แล้ว เรื่องผิดทานบลจึงเป็นเพียงข้อตกลงกันตามธรรมดา เมื่อไม่มีมูลหนี้ผูกพันกันตาม ก.ม.ก็บังคับกันไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ริบทรัพย์จำเลยตามทานบนเมื่อศาลวินิจฉัยว่าทานบนใช้บังคับไม่ได้ คดีก็ไม่มีประเด็นว่าจะแบ่งทรัพย์กันเพียงใดหรือไม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งทรัพย์แก่โจทก์ เมื่อจำเลยไม่ฎีกาโต้แย้ง ศาลฎีกาย่อมไม่แก้ไข.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอหย่าขาดจากสามีภรรยากับจำเลย โดยอ้างว่าจำเลยประพฤติไม่ดีและผิดทานบนที่ทำไว้กับขอให้ริบทรัพย์สมรสทั้งหมดตามทานบนให้ตกได้แก่โจทก์ทั้งหมด
จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และไม่ได้ทำทานบนให้โจทก์ จะขอริบทรัพย์ไม่ได้
ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์จำเลยไม่เป็นสามีภรรยากันตาม ก.ม.จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าถึงไม่เป็นสามีภรรยากันเรือนหมายเลข ๒ เป็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน จึงพิพากษาแก้ให้แบ่งเรือนหมายเลข ๒ ให้โจทก์จำเลยคนละครึ่ง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาคงฟังว่าโจทก์จำเลยอยู่กินกันด้วยภายหลังใช้ ป.พ.พ.บรรพ ๕ เมื่อมิได้จดทะเบียนสมรสจึงมิใช่สามีภรรยากันโดยชอบด้วย ก.ม.ดังนั้นทานบนที่ทำไว้จึงเป็นเพียงข้อตกลงกันตามธรรมดาระหว่างบุคคล ไม่มีมูลหนี้ผูกมัดตาม ก.ม.ที่จะริบทรัพย์กันได้
ส่วนปัญหาเรื่องทรัพย์ คดีไม่มีปัญหาว่าทรัพย์นี้จะเป็นสินส่วนตัว สินสมรสหรือกรรมสิทธิ์รวมประการใด ไม่มีฝ่ายใดกล่าวอ้างเสนอคำขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นในเรื่องแบ่งทรัพย์นั้นเลย จึงควรจะพิพากษายกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้แบ่งทรัพย์หมายเลข ๒ ไป หนึ่งรายการซึ่งเป็นผลดีแก่โจทก์ จำเลยมิได้ฎีกาคัดค้าน ศาลฎีกาไม่แก้ไข.
จึงพิพากษายืน.

Share