คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจทำหน้าที่รักษาความสงบอยู่ในงานวัด ได้เข้าไปจับกุม น. เพราะมีคนมาแจ้งว่ามีอาวุธปืนและกำลังจะก่อเหตุร้ายในวงรำวง น. สลัดหลุดจนจำเลยล้มลงพอจำเลยลุกขึ้นได้ก็ใช้ปืนยิงไปทาง น. ซึ่งกำลังวิ่งหนี โดย น.มิได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยก่อน กระสุนปืนที่จำเลยยิงพลาดไปถูก ส.ซึ่งอยู่ใกล้วงรำวงถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้วิธีที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับหรือเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวจำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่า ส. โดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 60 แต่การกระทำของจำเลยนับได้ว่าเป็นการกระทำผิดอันเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่ในการจับกุมคนร้าย โดยจำเลยมิได้มีสาเหตุส่วนตัวกับ น. หรือผู้ตาย ความผิดของจำเลยเห็นได้ว่าเกิดจากการใช้วิธีการที่เกินสมควรแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับกุม น. ด้วยการตัดสินใจผิดในขณะที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เข้าลักษณะในเหตุอื่นอันเป็นเหตุบรรเทาโทษประการหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จึงสมควรลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายน่วมโดยเจตนาฆ่า แต่กระสุนปืนพลาดไปถูกนายเสนาะถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๖๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
เด็กหญิงอำไพ ปาละวัฒน์ โดยนางคำเพียน ปาละวัฒน์ มารดาผู้แทนโดยชอบธรรมร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุกจำเลย๑๕ ปี จำเลยเป็นผู้มีคุณความดีมาก่อน ปรานีลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลย ๑๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยยิงนายน่วมขณะที่นายน่วมวิ่งหนี โดยนายน่วมมิได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยก่อน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้วิธีเหมาะแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับหรือเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวจำเลย เมื่อกระสุนปืนที่จำเลยยิงพลาดไปถูกนายเสนาะซึ่งอยู่ภายในประตูวัดใกล้วงรำวงที่เกิดเหตุถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่านายเสนาะโดยเจตนา แต่เมื่อได้พิเคราะห์ตามพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจรับราชการมาเป็นเวลา ๕ ปี ไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดมาก่อน วันเกิดเหตุจำเลยได้มาทำหน้าที่รักษาความสงบอยู่ในงานวัด ได้เข้าไปจับกุมนายน่วมเพราะมีคนมาแจ้งว่ามีอาวุธปืนและกำลังจะก่อเหตุร้ายในวงรำวง นายน่วมสลัดหลุดจนจำเลยล้มลง พอจำเลยลุกขึ้นได้ก็ใช้ปืนยิงไปทางนายน่วมซึ่งกำลังวิ่งหนีนับได้ว่าเป็นการกระทำผิดอันเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่ในการจับกุมคนร้าย โดยจำเลยมิได้มีสาเหตุส่วนตัวกับนายน่วมหรือผู้ตาย ความผิดของจำเลยเห็นได้ว่าเกิดจากการใช้วิธีการที่เกินสมควรแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับกุมนายน่วมด้วยการตัดสินใจที่ผิดในขณะที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินเข้าลักษณะในเหตุอื่นอันเป็นเหตุบรรเทาโทษประการหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ จึงเห็นสมควรลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่ง
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง จำคุกจำเลย ๗ ปี ๖ เดือน นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share