คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยไม่ทราบว่าถูกฟ้อง ไม่ทราบวันนัดคำพิพากษาและคำบังคับของศาลมาก่อนเพราะได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่อื่นแล้ว จำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณานั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และแม้ฎีกาของจำเลยจะเป็นปัญหาในชั้นดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นในเรื่องการขอให้พิจารณาใหม่ ไม่ใช่ปัญหาในประเด็นที่พิพาทตามคำฟ้องและคำให้การ ก็ต้องถือทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในคดีเป็นหลักในการพิจารณาว่าเป็นคดีที่ฎีกาได้หรือไม่ เมื่อเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลในกรณีอื่นออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งในขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ5,000 บาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกขอให้ขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายเดือนละ 5,000 บาท จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 3011 ของโจทก์และส่งมอบที่ดินแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินแปลงนี้อีกต่อไป ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยยื่นคำขอพิจารณาใหม่ล่วงเลยกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 จึงให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาว่าไม่ทราบว่าถูกฟ้อง ไม่ทราบวันนัด คำพิพากษาและคำบังคับของศาลมาก่อนเพราะได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่อื่นแล้ว จำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา อันเป็นข้อเท็จจริง เห็นว่า แม้ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาในชั้นดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้น ไม่ใช่ปัญหาในประเด็นที่พิพาทตามคำฟ้องและคำให้การ แต่เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า การส่งหมายให้แก่จำเลยชอบแล้ว จำเลยยื่นคำขอพิจารณาใหม่เกินกำหนด ไม่มีเหตุที่จำเลยจะขอพิจารณาใหม่ก็ต้องถือทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในคดีเป็นหลักในการพิจารณาว่า เป็นคดีที่ฎีกาได้หรือไม่ เมื่อคดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลในกรณีอื่นออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งในขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ5,000 บาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาของจำเลย

Share