คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมียาสูบต่างประเทศหนัก 1,920 กรัม ที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในครอบครอง ยาสูบทั้ง 1,920 กรัมเป็นเหตุให้เกิดความผิด มิใช่เฉพาะจำนวนที่เกิน 500 กรัมเท่านั้น จึงต้องปรับจำเลยตามจำนวนน้ำหนักของยาสูบทั้งหมด โดยไม่ต้องหักจำนวนยาสูบ 500 กรัมที่พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 19 วรรคแรกให้มีไว้ในครอบครองได้ออกก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมียาสูบต่างประเทศรวม ๙๐ ซอง หนัก ๑,๙๒๐ กรัม ที่ไม่ได้ปิดแสตมป์ยาสูบเป็นเงิน ๙๖๐ บาท ไว้ในครอบครองเกินกว่า ๕๐๐ กรัม โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. ๒๕๐๙ มาตรา ๑๙, ๔๔, ๔๙ ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ ๓,๕๕๐ บาท ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ปรับจำเลยสิบเท่าของค่าแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิดเป็นเงิน ๙,๖๐๐ บาท ลดรับสารภาพแล้วคงเป็นค่าปรับ ๔,๘๐๐ บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมียาสูบต่างประเทศหนัก ๑,๙๒๐ กรัม ที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาของโจทก์ว่า จะต้องปรับจำเลยสิบเท่าของค่าแสตมป์ยาสูบในจำนวนยาสูบ ๑,๙๒๐ กรัม หรือปรับเพียงจำนวน ๑,๔๒๐ กรัม โดยหักจำนวนยาสูบ ๕๐๐ กรัมที่จำเลยอาจมีไว้ในครอบครองได้โดยไม่ต้องปิดแสตมป์ยาสูบตามมาตรา ๑๙ วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. ๒๕๐๙ ออกเสียก่อน พิเคราะห์แล้วเห็นว่า มาตรา ๑๙ วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามพระราชบัญญัตินี้ไว้ในครอบครองเกินกว่าห้าร้อยกรัม นอกจากผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ” เมื่อจำเลยมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในครอบครอง ๑,๙๒๐ กรัม จึงเป็นความผิดตามมาตรา ๑๙ วรรคแรกอันมีโทษตามมาตรา ๔๙ ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๙ หรือมาตรา ๒๐ ต้องระวางโทษปรับสิบเท่าของค่าแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิดหรือที่ยังขาดอยู่ แต่ต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยบาท….” การกระทำของจำเลยจึงมิได้เป็นความผิดเพราะมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบจำนวน ๑,๔๒๐ กรัม หากแต่เป็นความผิดที่มียาสูบเพราะมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบจำนวน ๑,๙๒๐ กรัม การที่ศาลล่างทั้งสองนำจำนวนยาสูบ ๕๐๐ กรัม ไปหักออกจากจำนวนยาสูบที่จำเลยมีไว้ในครอบครองก่อน แล้วจึงคำนวณโทษปรับจำเลยนั้นจึงไม่ถูกต้อง เพราะยาสูบทั้งหมดที่จำเลยมีไว้ในครอบครองอันเป็นเหตุให้เกิดความผิดในคดีนี้ มิใช่เฉพาะจำนวนที่เกิน ๕๐๐ กรัมเท่านั้น จึงต้องปรับจำเลยตามจำนวนน้ำหนักของยาสูบทั้งหมดที่จำเลยมีไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมายและมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จึงเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. ๒๕๐๙ มาตรา ๑๙ วรรคแรก, ๔๙ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๒๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. ๒๕๐๙ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๒๓ ปรับ ๙,๖๐๐ บาท ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงปรับ ๔,๘๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share