แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การท้ากันในศาลคือการยอมรับข้อเท็จจริงตามที่อีกฝ่ายหนึ่งอ้างโดยมีเงื่อนไขบังคับก่อน คู่ความท้ากันโดยตกลงเอาการสาบานของจำเลยและ ส. เป็นเงื่อนไข กล่าวคือถ้า บุคคลทั้งสองยอมสาบานโจทก์ก็ยอมรับตามข้ออ้างของจำเลยและยอมแพ้คดี แต่ถ้า บุคคลทั้งสองไม่ยอมสาบานจำเลยก็เป็นฝ่ายแพ้คดี ข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับระหว่างคู่ความได้ส่วนการสาบานตนของ ส. เป็นเพียงเงื่อนไขที่คู่กรณีกำหนดขึ้น การที่ ส. ไม่ได้รู้เห็นยินยอมในการตกลงนั้นหาทำให้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ เมื่อจำเลยและ ส. ไปยังสถานที่กำหนดแล้ว แต่บุคคลทั้งสองไม่ยอมสาบานจำเลยจึงต้องแพ้คดีตามคำท้า.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรับเงินค่าไถ่ถอนที่ดินจำนวน 1,000บาท และส่งมอบที่ดินคืนแก่โจทก์ อ้างว่าโจทก์ได้กู้ยืมเงินจากจำเลยและมอบที่ดินให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทโจทก์ที่ 2 ขายให้จำเลยตั้งแต่พ.ศ. 2512 จำเลยไม่เคยทำสัญญากู้ยืมเงินกับโจทก์ที่ 2 สัญญาที่โจทก์อ้างเป็นสัญญาปลอม
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์จำเลยตกลงท้ากันว่า หากจำเลยและนายสูนงาหอม พยานในสัญญาซื้อขายที่จำเลยอ้าง สาบานต่อหน้าหลวงพ่อใหญ่ วัดศรีษะแรดว่า จำเลยได้ซื้อที่พิพาทจากโจทก์ที่ 2ไม่ใช่โจทก์ที่ 2 กู้เงิน 1,000 บาท จากจำเลยแล้วให้จำเลยทำกินในที่พิพาทต่างดอกเบี้ย โดยโจทก์เป็นผู้นำสาบาน โจทก์ยอมแพ้ถ้าจำเลยและหรือนายสูน งาหอม ไม่ยอมสาบานจำเลยยอมแพ้ ปรากฏว่าจำเลยและนายสูนไปตามนัดแต่ไม่ยอมสาบาน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยต้องแพ้คดีตามคำท้า พิพากษาให้จำเลยรับเงิน 1,000 บาท จากโจทก์ที่ 1 และให้จำเลยส่งมอบที่พิพาทให้โจทก์ที่ 1 ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…การท้ากันในศาลนั้นคือการยอมรับข้อเท็จจริงตามที่อีกฝ่ายหนึ่งอ้างโดยมีเงื่อนไขบังคับก่อน คดีนี้เงื่อนไขดังกล่าวคือการสาบานตัวของจำเลยและนายสูน งาหอม กล่าวคือถ้าบุคคลทั้งสองยอมสาบานตามที่ตกลงกันไว้ โจทก์ก็ยอมรับตามข้ออ้างของจำเลยและยอมแพ้คดี แต่ถ้าบุคคลทั้งสองไม่ยอมสาบานจำเลยก็เป็นฝ่ายแพ้คดี ข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับระหว่างคู่ความได้ ส่วนการสาบานตนของนายสูน งาหอม เป็นเพียงเงื่อนไขที่คู่กรณีกำหนดขึ้นการที่นายสูน งาหอม ไม่ได้รู้เห็นยินยอมในการตกลงนั้นหาทำให้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายตามข้ออ้างของจำเลยไม่ ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยและนายสูน งาหอม ไปอยู่ต่อหน้าหลวงพ่อใหญ่ที่วัดศรีษะแรดแล้ว แต่บุคคลทั้งสองไม่ยอมสาบานตามข้อตกลงจำเลยก็ต้องแพ้คดีตามคำท้าดังกล่าว”
พิพากษายืน.