แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่กฎหมายบัญญัติให้มีการสอบสวนเสียก่อนที่พนักงานอัยการนำคดีขึ้นฟ้องร้องนั้น ก็เพื่อประสงค์จะมิให้มีการฟ้องร้องกันง่าย ๆ ปราศจากหลักฐานเพราะจะเป็นการเดือดร้อนแก่จำเลย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยนำสุกรออกนอกเขตโดยไม่ได้รับอนุญาตและทราบประกาศแล้ว จำเลยรับว่าได้นำสุกรออกนอกเขตและได้ทราบประกาศแล้วจริง แต่สู้ว่าพนักงานสอบสวนมิได้สอบสวนในข้อที่จำเลยได้ทราบประกาศหรือไม่ แม้คดีจะได้ความว่าพนักงานสอบสวนมิได้สอบสวนข้อที่จำเลยทราบประกาศหรือไม่ ก็ยังถือได้ว่าได้มีการสอบสวนแล้ว และไม่เป็นเหตุที่จะให้ถือว่าการสอบสวนนั้นเสียไปแต่อย่างใด หรือจะถือว่าโจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้ทำการสอบสวนก็ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยนำสุกรออกนอกเขตโดยมิได้รับอนุญาตและได้ทราบประกาศแล้ว ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร ๒๔๙๐ มาตรา ๘, ๑๗, ๒๘
จำเลยให้การรับว่า ได้นำสุกรออกนอกเขตและได้ทราบประกาศของคณะกรรมการจังหวัดจริง แต่คดีนี้พนักงานสอบสวนมิได้สอบสวนในข้อที่จำเลยได้ทราบประกาศหรือไม่
เมื่อโจทก์สืบพยานแล้ว คงได้ความว่า พนักงานสอบสวนมิได้สอบสวนข้อที่จำเลยทราบประกาศหรือไม่
ศาลชั้นต้นเห็นว่า การสอบสวนคดีนี้ยังไม่สมบูรณ์ โจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องร้อง เพราะต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๒๐ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่กฎหมายบัญญัติให้มีการสอบสวนเสียก่อนที่พนักงานอัยการนำคดีขึ้นฟ้องร้องนั้น ก็เพื่อประสงค์จะมิให้มีการฟ้องร้องกันง่าย ๆ โดยปราศจากหลักฐานเพราะจะเป็นที่เดือดร้อนแก่จำเลย ในคดีนี้ปรากฎว่ามีการสอบสวนแล้ว และจำเลยก็ให้การรับว่าได้นำสุกรออกนอกเขตจริง เป็นแต่เพียงผู้สอบสวนมิได้ถามจำเลยว่าได้ทราบประกาศของเจ้าพนักงานหรือไม่เท่านั้น ย่อมไม่เป็นเหตุที่จะให้ถือว่า การสอบสวนนั้นเสียไปแต่อย่างใด หรือจะถือว่าโจทก์ฟ้องคดีโดยมิได้ทำการสอบสวนก็ไม่ได้
จึงพิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาต่อไป