คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1332/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1เรียกและรับเงินจากผู้เสียหายโดยอ้างว่าเพื่อจะนำไปให้เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารแก่ผู้เสียหาย เพื่อเป็นการจูงใจให้เจ้าพนักงานกระทำการในหน้าที่ อันเป็นคุณแก่ผู้เสียหายโดยวิธีอันทุจริตผิดกฎหมายการกระทำอันเป็นความผิดในกรณีนี้มิได้อยู่ที่เจ้าพนักงานได้กระทำการในหน้าที่แล้วหรือไม่ แม้เจ้าพนักงานจะได้ออกใบอนุญาตไปแล้วก็ยังคงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายการออกใบอนุญาตไปแล้วมิได้ทำให้ฟ้องโจทก์ขาดองค์ประกอบแห่งความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ศาลรับฟังเทปบันทึกเสียงของจำเลยที่ 1 ที่ผู้เสียหายอัดเสีย ไว้จากการสนทนาเรียกเงินกันทางโทรศัพท์และได้ถอดเทปเป็นตัวอักษร เป็นพยานหลักฐานลงโทษจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการโต้แย้งดุลยพินิจในการรับฟังพยานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 143
จำเลยทั้งสองให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143, 83ลงโทษจำคุกคนละ 4 ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ไม่ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 กล่าวคือร้อยเอกกฤษฎา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานได้ออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารใบหยก 2 ให้แก่นายพันธ์เลิศ ผู้เสียหายตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2533แล้ว แต่โจทก์ฟ้องว่าในระหว่างวันที่ 4 ถึงวันที่ 8มิถุนายน 2533 จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ร่วมกันเรียกเงินจำนวนห้าล้านบาทจากผู้เสียหายเพื่อตอบแทนในการจูงใจให้ร้อยเอกกฤษฎาในฐานะเจ้าพนักงานโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมายให้กระทำการในหน้าที่เพื่อออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารแก่ผู้เสียหายแล้วก่อนที่จำเลยจะเรียกเงินจากผู้เสียหายการเรียกเงินของจำเลยเพื่อจูงใจให้เจ้าพนักงานกระทำการในหน้าที่จึงไม่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะไม่มีเจ้าพนักงานที่จำเลยจะไปจูงใจให้กระทำการในหน้าที่แต่อย่างใดนั้นศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำฟ้องเป็นเรื่องกล่าวหาว่า จำเลยที่ 2ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 เรียกและรับเงินจากผู้เสียหายโดยอ้างว่าเพื่อจะนำไปให้ร้อยเอกกฤษฎาซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารแก่ผู้เสียหายเพื่อเป็นการจูงใจให้เจ้าพนักงานกระทำการในหน้าที่ อันเป็นคุณแก่ผู้เสียหายโดยวิธีอันทุจริตผิดกฎหมาย การกระทำอันเป็นความผิดในกรณีนี้มิได้อยู่ที่ร้อยเอกกฤษฎา เจ้าพนักงานได้กระทำการในหน้าที่แล้วหรือไม่แม้จะได้ออกใบอนุญาตแล้ว ร้อยเอกกฤษฎา ก็ยังคงเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย การออกใบอนุญาตไปแล้วทำให้ฟ้องโจทก์ขาดองค์ประกอบแห่งความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ศาลรับฟังเทปบันทึกของจำเลยที่ 1 ที่ผู้เสียหายอัดเสียงไว้จากการสนทนาเรียกเงินกันทางโทรศัพท์ และได้ถอดเทปเป็นตัวอักษร เป็นพยานหลักฐานลงโทษจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเทปบันทึกเสียงไม่อาจบ่งชี้ตัวผู้พูดได้แน่นอน และอาจตัดต่อข้อความได้ เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ฎีกาจำเลยที่ 2ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share