แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ยกบุตรของตนอายุ 7 ขวบให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้อื่นไปแล้ว ภายหลงไปฉุดแขนบุตรคนนั้นในขณะที่กำลังกลับจากโรงเรียน เพื่อจะพาไปอยู่ด้วย ดังนี้ไม่เป็นการบังอาจประทุษฐร้ายร่างกายบุตรของตน จึงยังไม่เป็นผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 338 (3)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๔๙๓ เวลากลางวัน จำเลยใช้กำลังกายฉุดแขนเด็กหญิงแป๋ว หรือ เพิ่มพูล หรือ อุษณา พันธ์ฟัก อายุ ๗ ปีบุตรบุญธรรมตามกฎหมายของนางหลี พันธ์ฟัก แต่ไม่ถึงบาดเจ็บโดยใช้กำลังฉุดดึงเพื่อพาไปให้พ้นเสียจากนางโกศล พันธ์ฟัก ขณะนางโกศลพาเด็กหญิงแป๋วกลับจากโรงเรียนขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๓๘ (๓)
จำเลยรับว่าได้ฉุดแขนเด็กหญิงแป๋วจริง เพื่อจะพาไปอยู่ในความปกครองของจำเลย และพระยาปรีดานฤเบศร์ผู้เป็นบิดามารดา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นมารดาเด็กหญิงแป๋ว ย่อมเป็นเหตุให้เข้าใจโดยสุจริตว่า จำเลยมีอำนาจที่จะเอาบุตรีของตัวไปปกครองได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความเพียงว่า จำเลยฉุดแขนบุตรของตนเพื่อจะพาไปอยู่ด้วย ไม่มีเหตุใดที่จะเห็นว่าจำเลยได้บังอาจประทุษฐร้ายร่างกายบุตรของตนนั้นเลย จำเลยจึงไม่มีความผิด
พิพากษายืน