คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลย(คนเดียว)กับพวกที่ยังหลบหนีจับตัวยังไม่ได้ สมคบกันปล้นทรัพย์ผู้มีชื่อไป ขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ ดังนี้ รู้ไม่ได้ว่าพวกของจำเลยที่โจทก์กล่าวจะมีจำนวนคนเดียวหรือหลายคน ถือว่า โจทก์ไม่กล่าวถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องจึงฟังให้สมบูรณ์ในฐานความผิดปล้นทรัพย์ไม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ฉะนั้นแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยกับพวกรวม 5 คนทำการปล้นทรัพย์ ศาลก็จะลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ไม่ได้ คงลงโทษได้แต่เพียงฐานชิงทรัพย์เท่านั้น
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยกับพวกมีมีดเป็นศาตราวุธทำการปล้นทรัพย์ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกมีมีดและปืนสั้นด้วย ย่อมถือว่าไม่ใช่ข้อสำคัญเพราะทางพิจารณาก็ได้ความว่าจำเลยกับพวกมีมีดสมตามฟ้องแล้ว จะถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องยังไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนียังจับตัวไม่ได้ มีมีดเป็นศาตราวุธ ได้บังอาจสมคบกันปล้นทรัพย์นางพุ่มไป รวมราคา 8,505 บาท ขอให้ลงโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ ตามมาตรา 299

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยกับพวกมีมีดเป็นศาสตราวุธ แต่ตามทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยกับพวกมีมีดกับปืนสั้นด้วย แต่เห็นว่า ไม่ใช่ข้อสำคัญ ทั้งข้อเท็จจริงก็ได้ความว่าจำเลยกับพวกมีมีด สมกับฟ้องโจทก์ จะถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องยังไม่ได้

ส่วนในข้อฟ้องครบองค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์หรือไม่นั้นโจทก์ฟ้องกล่าวแต่เพียงว่า จำเลยกับพวกที่ยังหลบหนีจับตัวยังไม่ได้สมคบกันทำการปล้นไม่รู้ว่า พวกของจำเลยที่โจทก์กล่าวจะมีจำนวนคนเดียวหรือหลายคน โจทก์ไม่กล่าวถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์ในฐานความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share