คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่1 ขอสลากกินแบ่งรัฐบาลจากโจทก์ไปตรวจกับผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลที่จำเลยที่2จดไว้แล้วไม่คืนให้โจทก์กลับนำไปมอบให้ธนาคารขอรับเงินรางวัลแทนและนำเงินมาเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่2และ ท. ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่2และมารดาจำเลยที่1ที่ธนาคารดังกล่าวอันเป็นการเบียดบังเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทและเงินรางวัลที่ได้รับมาเป็นของตนและของบุคคลอื่นโดยทุจริตการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานยักยอก จำเลยทั้งสองฉวยโอกาสจากการที่เป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกันและใกล้ชิดสนิทสนมกับโจทก์ยักยอกเอาสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับพิพาทซึ่งถูกรางวัลที่1เป็นจำนวนเงินถึง6,000,000บาทอันนับได้ว่าเป็นโชคลาภสูงสุดของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตนและบุคคลอื่นโดยทุจริตด้วยความละโมบโลภมากไม่คำนึงถึงบาปบุญคุณโทษและศีลธรรมอันดีอีกทั้งยังขาดเมตตาธรรมต่อโจทก์ผู้ที่ควรจะได้รับประโยชน์และความสุขจากโชคลาภดังกล่าวจนกระทั่งในที่สุดโจทก์ถึงแก่ความตายเพราะถูกฆ่าในระหว่างพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นตาม พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่มีเหตุที่จะลงโทษจำเลยทั้งสองในสถานเบา

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง และ แก้ไข คำฟ้อง ว่า จำเลย ทั้ง สอง ซึ่ง เป็น ภริยา และ พ่อตาของ โจทก์ เบียดบัง ยักยอก เอา สลากกินแบ่ง รัฐบาล ของ โจทก์ ไป เป็นประโยชน์ ส่วนตัว โดยทุจริต หรือ จำเลย ทั้ง สอง สมคบ ร่วมกัน ลัก เอาสลากกินแบ่ง รัฐบาล ของ โจทก์ ไป เป็น ประโยชน์ ส่วนตัว โดยทุจริตแล้ว จำเลย ทั้ง สอง นำ สลากกินแบ่ง รัฐบาล ของ โจทก์ ไป มอบ ให้ธนาคาร กรุงไทย จำกัด สาขา กำแพงเพชร เพื่อ ให้ รับ เงินรางวัล แทน และ ธนาคาร ได้ ขอรับ เงินรางวัล มา เข้าบัญชี เงินฝาก ของ จำเลย ทั้ง สองแล้ว ขอให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 83
ศาลชั้นต้น ไต่สวน มูลฟ้อง แล้ว เห็นว่า คดี มีมูล ให้ ประทับ ฟ้อง
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ปฏิเสธ
ระหว่าง พิจารณา โจทก์ ถึงแก่ความตาย นาย พายัพ สีเขียว และ นาง ละออง สีเขียว บิดา มารดา ของ โจทก์ ยื่น คำร้องขอ เข้า ดำเนินคดี ต่าง ผู้ตาย ศาลชั้นต้น อนุญาต
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย ทั้ง สอง มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคหนึ่ง , 83 จำคุก คน ละ 1 ปีข้อหา อื่น ให้ยก
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา โดย ผู้พิพากษา ซึ่ง พิจารณา และ ลงชื่อใน คำพิพากษา ศาลชั้นต้น อนุญาต ให้ ฎีกา ใน ปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลยทั้ง สอง ว่า จำเลย ทั้ง สอง กระทำ ความผิด ฐาน ยักยอก หรือไม่ ปัญหา นี้เห็นสมควร วินิจฉัย เสีย ก่อน ว่า สลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับพิพาท เป็นของ โจทก์ หรือไม่ โจทก์ มี ตัว โจทก์ เบิกความ ยืนยัน ว่า สลากกินแบ่ง รัฐบาลฉบับ ดังกล่าว เป็น ของ โจทก์ ซื้อ มาจาก นาย นพพระ ชำนาญไพร ที่ ร้าน ชัยประสิทธิ์ ตลาด นครชุม เมื่อ วันที่ 10 เมษายน 2533ใน วัน ออก สลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับพิพาท คือ วันที่ 16 เมษายน 2533จำเลย ที่ 1 ขอ สลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับ ดังกล่าว จาก โจทก์ ไป ตรวจ กับผล การ ออก รางวัล สลากกินแบ่ง รัฐบาล ที่ จำเลย ที่ 2 จด ไว้ แล้ว ไม่คืนให้ โจทก์ โจทก์ มี นาย นพพระ เบิกความ สนับสนุน ว่า โจทก์ ได้ ซื้อ สลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับพิพาท ไป จาก ตน ตาม ที่ โจทก์ กล่าวอ้าง จริงศาลฎีกา เห็นว่า เกี่ยวกับ สถานที่ ซื้อ สลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับพิพาท นั้นทั้ง สอง ฝ่าย ต่าง ก็ ยอมรับ กัน ว่า ซื้อ มาจาก ร้าน ชัยประสิทธิ์ ที่ ตลาด นครชุม เพียงแต่ โจทก์ อ้างว่า ซื้อ จาก นาย นพพระ บุตร ของ นาย ประสิทธิ์ ชำนาญไพร เจ้าของ ร้าน ส่วน จำเลย ที่ 2 อ้างว่า ซื้อ จาก นาย ประสิทธิ์ ซึ่ง เมื่อ พิจารณา คำเบิกความ ของ โจทก์ และ นาย นพพระ แล้ว จะ เห็น ได้ว่า สอดคล้อง ต้อง กัน ทุกประการ กล่าว คือ ใน วันที่ 10 เมษายน 2533 โจทก์ ไป ซื้อ สลากกินแบ่ง รัฐบาลที่ ร้าน ชัยประสิทธิ์ จาก นาย นพพระ ชั้น แรก โจทก์ ต้องการ ซื้อ ฉบับ ที่ มี เลข ท้าย 3 ตัว 820 แต่ ปรากฏว่า ไม่มี หมายเลข ดังกล่าว นาย นพพระ จึง หยิบ ฉบับที่ มี เลข ท้าย 890 คือ สลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับพิพาท มา ให้ แทนโจทก์ ตกลง ซื้อ ไว้ ครั้น สลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับ ดังกล่าว ถูก รางวัล ที่ 1นาย นพพระ จำ ได้ว่า ได้ ขาย ให้ แก่ โจทก์ ไป และ เมื่อ โจทก์ นำ ความ ไป แจ้ง ต่อ ร้อยตำรวจเอก ชูชัย สว่างสิริพรชัย พนักงานสอบสวน ขอให้ ดำเนินคดี แก่ จำเลย ทั้ง สอง นาย นพพระ ก็ ได้ ให้การ เป็น พยาน ต่อ พนักงานสอบสวน พร้อม กับ นำ สลากกินแบ่ง รัฐบาล ที่ เหลือ อยู่ จากการ ขาย ให้ แก่ โจทก์ ซึ่ง มี หมายเลข 5 ตัว หน้า เป็น เลข 50928 ตรง กับสลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับพิพาท จำนวน 10 คู่ มา มอบ ให้ แก่ พนักงานสอบสวนเป็น หลักฐาน ประกอบการ ดำเนินคดี ตาม เอกสาร หมาย จ. 5 ซึ่ง พนักงานสอบสวน เอง ก็ เบิกความ ยืนยัน ใน ข้อ นี้ แสดง ว่า ทั้ง โจทก์ และ นาย นพพระ ต่าง ก็ มั่นใจ มา โดย ตลอด ว่า สลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับพิพาท เป็น ฉบับ เดียวกับ ที่ โจทก์ ซื้อ มาจาก นาย นพพระ นาย ประสิทธิ์ พยานโจทก์ อีก ปาก หนึ่ง ก็ เบิกความ ยืนยัน ว่า พยาน เป็น เจ้าของ ร้าน ชัยประสิทธิ์ และ เป็น บิดา ของ นาย นพพระ การ ขาย สลากกินแบ่ง รัฐบาล ที่ ร้าน ของ พยาน เป็น หน้าที่ ของ นาย นพพระ พยาน ไม่ได้ ยุ่ง เกี่ยว ด้วย เลย และ พยาน ไม่เคย เห็น จำเลย ที่ 2 มา ซื้อ ของ ที่ ร้าน ของ พยาน คำเบิกความ ของ พยาน ปาก นี้จึง สอดคล้อง กับ คำเบิกความ ของ นาย นพพระ และ เป็น การ สนับสนุน คำเบิกความ ของ โจทก์ เช่นกัน โจทก์ เป็น สามี จำเลย ที่ 1 และ เป็น บุตรเขยจำเลย ที่ 2 ขณะ เกิดเหตุ โจทก์ กับ จำเลย ทั้ง สอง พัก อาศัย อยู่ ที่ บ้านจำเลย ที่ 2 ด้วยกัน นับ ว่า มี ความ สัมพันธ์ ใกล้ชิด กัน มาก และ ไม่เคยมี เรื่อง โกรธเคือง กัน ส่วน นาย นพพระ นาย ประสิทธิ์ และ ร้อยตำรวจเอก ชูชัย ต่าง ก็ ไม่รู้ จัก กับ จำเลย ทั้ง สอง มา ก่อน โดยเฉพาะ ร้อยตำรวจเอก ชูชัย เป็น เจ้าพนักงาน ซึ่ง กระทำการ ตาม หน้าที่ ไม่มี เหตุ ให้ ระแวง สงสัย ว่า จะ เบิกความ ปรักปรำ กลั่นแกล้ง จำเลย ทั้ง สอง คำเบิกความของ พยานโจทก์ ดังกล่าว มี น้ำหนัก น่าเชื่อ ถือ ฝ่าย จำเลย คง มี จำเลย ที่ 2เบิกความ ลอย ๆ สนับสนุน ข้ออ้าง ที่ ว่า จำเลย ที่ 2 ซื้อสลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับพิพาท มาจาก นาย ประสิทธิ์ ซึ่ง นอกจาก จะ ขัดแย้ง กับ คำเบิกความ ของ นาย ประสิทธิ์ แล้ว ยัง ขัดแย้ง ต่อ เหตุผล อีก ด้วย ทั้งนี้ เพราะ ถ้าหาก จำเลย ที่ 2 เป็น ผู้ซื้อ สลากกินแบ่ง รัฐบาลฉบับ ดังกล่าว มาจาก นาย ประสิทธิ์ จริง ตาม ปกติ วิสัย ของ ผู้ที่ ถูก สลากกินแบ่ง รัฐบาล รางวัล ที่ 1 ย่อม ที่ จะ ตื่นเต้น และ มี ความกระ ตือรือร้นที่ จะ นำ ไป ขึ้น เงินรางวัล การ ที่ จำเลย ที่ 2 เพิ่ง นำ ไป มอบให้ ธนาคาร กรุงไทย จำกัด สาขา กำแพงเพชร ขอรับ เงินรางวัล แทน เมื่อ วันที่ 18 เมษายน 2533 เป็น การ ผิดปกติ วิสัย และ ส่อพิรุธว่า จำเลย ที่ 2 ไม่ได้ เป็น ผู้ซื้อ สลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับพิพาทพยานหลักฐาน จำเลย ทั้ง สอง ไม่มี น้ำหนัก ให้ รับฟัง หักล้าง พยานหลักฐานโจทก์ ข้ออ้าง ตาม ฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สอง ไม่มี เหตุผล เพียงพอ ที่ จะ ทำให้น้ำหนัก พยานหลักฐาน โจทก์ เสีย ไป ข้อเท็จจริง รับฟัง ได้ว่าสลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับพิพาท เป็น ของ โจทก์ และ รับฟัง ได้ ด้วย ว่าจำเลย ที่ 1 ขอ สลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับ ดังกล่าว จาก โจทก์ ไป ตรวจ กับผล การ ออก รางวัล สลากกินแบ่ง รัฐบาล ที่ จำเลย ที่ 2 จด ไว้ แล้วไม่คืน ให้ โจทก์ กลับ นำ ไป มอบ ให้ ธนาคาร กรุงไทย จำกัด สาขา กำแพงเพชร ขอรับ เงินรางวัล แทน และ นำ เงิน มา เข้าบัญชี เงินฝาก ของ จำเลย ที่ 2และ นาง ทองอยู่ ซึ่ง เป็น ภริยา จำเลย ที่ 2 และ มารดา จำเลย ที่ 1ที่ ธนาคาร ดังกล่าว อันเป็น การ เบียดบัง เอา สลากกินแบ่ง รัฐบาลฉบับพิพาท และ เงินรางวัล ที่ ได้รับ มา เป็น ของ ตน และ บุคคลอื่น โดยทุจริตการกระทำ ของ จำเลย ทั้ง สอง จึง เป็น ความผิด ฐาน ยักยอก ที่ ศาลล่างทั้ง สอง พิพากษา ต้อง กัน มา ให้ ลงโทษ จำเลย ทั้ง สอง ใน ความผิด ฐานดังกล่าว นั้น ชอบแล้ว ฎีกา ข้อ นี้ ของ จำเลย ทั้ง สอง ฟังไม่ขึ้น
ส่วน ปัญหา ที่ ว่า มีเหตุ สมควร ลงโทษ จำเลย ทั้ง สอง ใน สถาน เบาหรือไม่ ศาลฎีกา เห็นว่า จำเลย ทั้ง สอง ฉวยโอกาส จาก การ ที่ เป็นบุคคล ใน ครอบครัว เดียว กัน และ ใกล้ชิด สนิท สนม กับ โจทก์ ยักยอก เอาสลากกินแบ่ง รัฐบาล ฉบับพิพาท ซึ่ง ถูก รางวัล ที่ 1 เป็น จำนวนเงิน ถึง6,000,000 บาท อัน นับ ได้ว่า เป็น โชคลาภ สูงสุด ของ โจทก์ ไป เป็นประโยชน์ ส่วนตน และ บุคคลอื่น โดยทุจริต ด้วย ความ ละ โมบโลภ มากไม่ คำนึง ถึง บาป บุญ คุณ โทษ และ ศีลธรรม อัน ดี อีก ทั้ง ยัง ขาด เมตตา ธรรมต่อ โจทก์ ผู้ที่ ควร จะ ได้รับ ประโยชน์ และ ความ สุข จาก โชคลาภ ดังกล่าวจน กระทั่ง ใน ที่สุด โจทก์ ถึงแก่ความตาย เพราะ ถูก ฆ่า ใน ระหว่างพิจารณา คดี ของ ศาลชั้นต้น ตาม พฤติการณ์ แห่ง คดี จึง ไม่มี เหตุที่ จะ ลงโทษ จำเลย ทั้ง สอง ใน สถาน เบา ศาลล่าง ทั้ง สอง ใช้ ดุลพินิจใน การ ลงโทษ จำเลย ทั้ง สอง เหมาะสม แล้ว ฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สองข้อ นี้ ฟังไม่ขึ้น เช่นกัน ”
พิพากษายืน

Share