คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133-134/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญาราษฎรและอัยการต่างเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในกรณีเหตุอันเดียวกันนั้น ถ้าศาลสั่งให้รวมการพิจารณาคดีเป็นคดีเดียวกันแล้วการฟังคำพยานหลักฐานก็รวมเป็นคดีเดียวกันได้ ไม่ต้องแยกว่าเป็นพยานของสำนวนไหน

ย่อยาว

สำนวนแรกโจทก์ฟ้องหาว่า นายคอยจำเลยกับพวกสมคบกันปล้นทรัพย์นายน้อย นายอั้วสามีโจทก์และทำร้ายนายน้อยนายอั้วถึงตาย กับจำเลยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานสอบสวนว่านายน้อยนายอั้วลักโคและต่อสู้เวลาจับกุม จึงถูกฆ่าตาย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 250, 252, 254, 256, 301, 118

สำนวนที่ 2 อัยการโจทก์ฟ้องหาว่า นายคอยจำเลยใช้มีดฟันนายน้อยตาย นายอั้วบาดเจ็บสาหัสโดยเจตนา นายอั้วตายอีก 4 วันต่อมา ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249

ศาลไต่สวนมูลฟ้องสำนวนแรกและสั่งคดีมีมูลแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยอื่นรวม 5 คน นอกจากนายคอยจำเลย เพราะอัยการอ้างพวกเหล่านั้นเป็นพยาน ศาลอนุญาต คงเหลือเฉพาะนายคอยจำเลย

ศาลชั้นต้นพิจารณาคดี 2 เรื่องรวมกันแล้ว ฟังว่านายคอยจำเลยกับพวกรวม 5 คนสมคบกันปล้นทรัพย์ฆ่านายน้อยตายมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 301 ตอนท้ายและ มาตรา 250(5) และผิดฐานเป็นตัวการฆ่านายอั้วตาย เพื่อปกปิดการกระทำผิดตามมาตรา 250(6)พิพากษาให้ประหารชีวิตนายคอยจำเลย ส่วนความผิดฐานแจ้งความเท็จให้ยกฟ้อง และฟ้องสำนวนอัยการ คำพยานอัยการไม่อยู่ในลักษณะที่จะรับฟังได้ว่า ใครเป็นผู้ฆ่านายน้อยนายอั้วจึงพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตาม ให้ยกอุทธรณ์อัยการโจทก์และนายคอยจำเลย

อัยการและนายคอยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า คดี 2 สำนวนนี้เป็นกรณีเหตุอันเดียวกัน ศาลชั้นต้นได้สั่งรวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันฉะนั้นการฟังคำพยานหลักฐานก็ต้องรวมเป็นคดีเดียวกัน เมื่อฟังรวมกันเช่นนี้ หลักฐานก็เพียงพอลงโทษจำเลยได้ทั้ง 2 สำนวนซึ่งเป็นคดีเรื่องเดียวกันนั้นเอง จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อที่ยกฟ้องของอัยการโจทก์ เป็นอันว่า ให้อัยการโจทก์ชนะคดีดุจนางทับ นางหมาโจทก์ นอกจากที่แก้พิพากษายืน

Share