คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นที่ดินที่ได้มาจากการเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ พ.ศ.2485 และเป็นที่ดินที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ในการกำจัดขยะมูลฝอย จึงมีลักษณะสำคัญครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1304 (1) แล้ว ย่อมเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยจะยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินมิได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1306
จำเลยให้การว่า จำเลยกับบุคคลอื่นใช้ทางพิพาทเข้าออกมานานจึงตกเป็นทางภารจำยอม ไม่ได้ต่อสู้ว่าเป็นทางจำเป็นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 ฎีกาของจำเลยที่ว่า ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นนั้น จึงเป็นเรื่องนอกประเด็นข้อต่อสู้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ ๑ เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ที่ ๑ ได้มาโดยพระราชบัญญัติเวนคืนฯ พ.ศ.๒๔๘๕ โจทก์ที่ ๑ ได้มอบให้กรมประชาสงเคราะห์เป็นผู้ครอบครองดูแลรักษา ต่อมากรมประชาสงเคราะห์ได้มอบให้โจทก์ที่ ๒ เป็นผู้ครอบครองดูแล โจทก์มีนโยบายที่จะสร้างแฟลตให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเช่าอยู่อาศัยบนที่ดินพิพาท ต่อมาเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๑๗ จำเลยทั้งสี่ได้บุกรุกเข้าไปครอบครองสร้างถนนลงในที่พิพาทบางส่วน เป็นเหตุให้โจทก์ที่ ๒ สร้างแฟลตไม่ได้ ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสี่รื้อถอนถนนดังกล่าวออกไป
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าที่พิพาทไม่ใช่ที่ดินของโจทก์ แต่เป็นที่ดินของเอกชน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ ๑ ไม่ได้บุกรุก ถนนคอนกรีตสร้างขึ้นเพื่อความสะดวกในการผ่านเข้าออกถนนใหญ่ ซึ่งแต่เดิมเป็นทางจำเป็นของเจ้าของที่ดินด้านใน กรมประชาสงเคราะห์เคยสร้างห้องแถวให้ประชาชนเช่า และได้เปิดทางผ่านเข้าออกกว้างประมาณ ๕ เมตร ให้แก่จำเลยทั้งสี่ด้วย ต่อมาปี พ.ศ.๒๕๑๕ เทศบาลนครกรุงเทพได้ปรับปรุงสร้างถนนขึ้น โดยเว้นทางเข้าออกไว้อย่างเดิมอีก แต่ได้ทำทางเท้าริมถนนใหม่ ทำให้ทางชำรุด จำเลยจึงสร้างเป็นถนนคอนกรีต ประชาชนใช้ถนนนี้เป็นทางเข้าออกเกินกว่า ๑๐ ปีแล้ว ทางพิพาทจึงตกอยู่ในภารจำยอม ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ขาดนัดยื่นคำให้การ และต่อมายอมให้โจทก์รื้อถนนตามฟ้องได้โดยโจทก์ออกค่าใช้จ่ายเอง โจทก์จึงถอนฟ้องคดีสำหรับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ คงดำเนินคดีสำหรับจำเลยที่ ๑ ต่อไป
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ รื้อถนนพิพาทออกไป ถ้าไม่รื้อให้โจทก์เป็นผู้รื้อเองโดยให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกคำขอที่ให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนที่พิพาทให้โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๔๕๙ เป็นกรรมสิทธิ์ของกระทรวงมหาดไทยโจทก์ที่ ๑ ได้มาตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลถนนพญาไท และตำบลสามเสนใน อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๕ เพื่อใช้ในการสาธารณประโยชน์ ต่อมาที่ดินนี้บางส่วนบริเวณที่พิพาทคดีนี้ตกมาอยู่ในความครอบครองของการเคหะแห่งชาติโจทก์ที่ ๒ โจทก์ที่ ๒ จะสร้างแฟลตให้ประชาชนเช่าอยู่อาศัย แต่จำเลยที่ ๑ กับพวกได้ร่วมกันเทคอนกรีตเป็นถนนบนช่องทางที่เคยเข้าออกอยู่ก่อน และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่าที่พิพาทไม่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๔ ได้บัญญัติลักษณะสำคัญของทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไว้ว่า รวมทรัพย์สินทุกชนิดของแผ่นดิน ซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน และได้ระบุตัวอย่างประเภททรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไว้ ๓ อนุมาตราอีกด้วย โดยเฉพาะอนุมาตรา (๑) ระบุไว้ว่า ที่ดินรกร้างว่างเปล่าและที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้ง หรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดิน ซึ่งเห็นว่าที่ดินซึ่งกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่นนั้น ย่อมหมายถึงที่ดินที่ได้มาโดยการเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ด้วย ที่พิพาทเป็นที่ดินที่ได้มาโดยการเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ พ.ศ.๒๔๘๕ และเป็นที่ดินที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ในการกำจัดขยะมูลฝอย จึงมีลักษณะสำคัญครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๓๐๔ อนุมาตรา (๑) แล้วจึงฟังได้ว่า ที่ดินรายนี้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังนั้น จำเลยจะยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินมิได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๖ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ชอบแล้ว
ส่วนที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาอีกว่า ทางพิพาทเป็นทางจำเป็นนั้น เห็นว่า ตามคำให้การของจำเลยที่ ๑ ต่อสู้เป็นประเด็นไว้เพียงว่า ทางพิพาทจำเลยกับบุคคลอื่นใช้เป็นทางเข้าออกมานาน จึงตกเป็นทางภารจำยอมเท่านั้น ไม่ได้ต่อสู้ว่าเป็นทางจำเป็น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๔๙ ฎีกาจำเลยที่ ๑ ข้อนี้จึงเป็นเรื่องนอกประเด็นข้อต่อสู้ และไม่มีข้อเท็จจริงได้ความพอที่จะวินิจฉัยให้ได้
พิพากษายืน

Share