คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

นายดาบตำรวจ ว. ค้นบ้านของจำเลยโดยมีหมายค้นส่วนที่หมายค้นระบุเลขที่บ้านผิดไปหามีผลทำให้หมายค้นเสียไปไม่การค้นบ้านจำเลยจึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 มาตรา 35
นายดาบตำรวจ ว. กับพวกเห็นจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ เมื่อเข้าไปตรวจค้นบ้านจำเลยก็พบเมทแอมเฟตามีนอีก1 เม็ด การกระทำของนายดาบตำรวจ ว. กับพวกกระทำต่อเนื่องกันเมื่อพบเห็นจำเลยจำหน่าย และมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อ จำหน่าย อันเป็นความผิดซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 80 จึงมีอำนาจจับจำเลยได้โดยไม่ต้องมีหมายจับตามมาตรา 78(1) เมื่อเป็นการตรวจค้นและจับจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมาย พยานหลักฐานของโจทก์จึงมิใช่พยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบด้วยมาตรา 226

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 3 เม็ด น้ำหนัก 0.21 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำนวน เม็ด ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อในราคา 200 บาท ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 66, 67 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และให้คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2540 เวลา 12 นาฬิกา นายดาบตำรวจวิศนุ กลั่นบุศย์ กับพวกทราบจากสายลับว่าที่บ้านของจำเลยมีการลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จึงได้วางแผนให้สายลับไปล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย โดยได้ขอหมายค้นจากผู้บังคับบัญชาตามเอกสารหมาย จ.3 ซึ่งได้ระบุให้ค้นบ้านของจำเลยแต่ระบุเลขบ้านเป็นบ้านเลขที่ 53/3 ซึ่งมิใช่บ้านของจำเลย และได้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนไปล่อซื้อด้วยตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.2 สายลับไปซื้อเมทแอมเฟตามีน 3 เม็ด จากจำเลยเป็นเงิน 200 บาทนายดาบตำรวจวิศนุซึ่งซุ่มดูอยู่ได้รับเมทแอมเฟตามีนจากสายลับแล้วได้ไปค้นบ้านของจำเลยซึ่งยินยอมให้ตรวจค้นได้ และได้เมทแอมเฟตามีน 1 เม็ด กับธนบัตรฉบับละ 100 บาท 2 ฉบับ เป็นของกลาง จึงแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่า มียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย จำเลยให้การปฏิเสธตามบันทึกการตรวจค้นจับกุมด้านหลังหมายค้นเอกสารหมาย จ.3 มีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาแต่เพียงว่าพยานหลักฐานของโจทก์ในคดีนี้ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 หรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่านายดาบตำรวจวิศนุกับพวกซึ่งมิใช่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไปตรวจค้นบ้านของจำเลยและยึดของกลางแล้วจับจำเลยมาดำเนินคดีโดยไม่มีหมายค้นและหมายจับอันถูกต้องเป็นเรื่องจงใจทำต่อจำเลยโดยผิดกฎหมายเพราะจำเลยได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 35 ในการที่จะอยู่อาศัยและครอบครองเคหสถานโดยปกติสุข พยานหลักฐานของโจทก์จึงเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 นั้น เห็นว่านายดาบตำรวจวิศนุไปค้นบ้านของจำเลยโดยมีหมายค้นตามเอกสารหมาย จ.3 ไปด้วย ดังจะเห็นได้ว่าได้มีการทำบันทึกการตรวจค้นจับกุมที่ด้านหลังของหมายค้นและในหมายดังกล่าวมีข้อความระบุให้ค้นบ้านนายเล้ง แก้วพรายงาม ซึ่งเป็นชื่อของจำเลย ส่วนที่ระบุเลขที่บ้านเป็นบ้านเลขที่ 53/3 ไม่ตรงกับเลขที่บ้านของจำเลยซึ่งเป็นบ้านเลขที่ 54/3 น่าจะเป็นเรื่องเขียนตัวเลขผิดพลาดไป ดังจะเห็นได้จากรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีตามเอกสารหมาย จ.2 ที่ได้ลงไว้ก่อนไปตรวจค้นบ้านของจำเลยว่า ได้ระบุชื่อจำเลยและบ้านของจำเลยเป็นบ้านเลขที่ 54/3 การระบุเลขที่ของบ้านจำเลยผิดไปดังกล่าวหามีผลทำให้หมายค้นดังกล่าวเสียไปไม่ ทั้งจำเลยก็ยอมให้นายดาบตำรวจวิศนุตรวจค้นบ้านของจำเลยโดยดี การตรวจค้นบ้านของจำเลยจึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 35 ตามที่จำเลยฎีกา ส่วนที่นายดาบตำรวจวิศนุกับพวกจับจำเลยมาดำเนินคดีเนื่องจากนายดาบตำรวจวิศนุกับพวกเห็นจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ เมื่อเข้าไปตรวจค้นบ้านของจำเลยก็พบเมทแอมเฟตามีนอีก 1 เม็ด ซึ่งจำเลยเบิกความยอมรับว่าเป็นของจำเลย การกระทำของนายดาบตำรวจวิศนุกับพวกกระทำต่อเนื่องกัน เมื่อพบเห็นจำเลยกระทำความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 และฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นความผิดซึ่งหน้าดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 80 นายดาบตำรวจวิศนุกับพวกจึงมีอำนาจจับจำเลยได้โดยไม่ต้องมีหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78(1) การกระทำของนายดาบตำรวจวิศนุกับพวกเป็นการตรวจค้นและจับจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมาย พยานหลักฐานของโจทก์มิใช่พยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 ตามที่จำเลยอ้างแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share