แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาย่อมความที่ทนายลงนามแทนตัวความโดยมิได้รับมิบอำนาจพิเศษจากตัวความนั้น หาตกเป็นโมฆะเสียเปล่าไม่ตัวความอาจให้ความรับรองในภายหลังได้ แม้ว่าสัญญายอมความที่ศาลได้มีคำพิพากษาท้ายยอมแล้วนั้นจักบกพร่องไม่สมบูรณ์เนื่องจากที่ทนายความลงนามโดยปราศจากอำนาจก็ตาม เมื่อตัวความทราบข้อบกพร่องนี้แล้วมิได้ฟ้องอุทธรณ์ขอให้ทำลายสัญญาย่อมนั้นจนล่วงเลยเวลามาเช่นนี้ ต้องถือว่าคำพิพากษาท้ายยอมนั้นเด็ดขาดถึงที่สุดจะรื้อฟื้นขึ้นโต้เถียงอีกไม่ได้
ย่อยาว
คดีนี้เดิมจำเลยทั้ง ๒ นี้ได้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ทั้ง ๒ กับ ส. เป็น จำเลย ในระหว่างพิจารณาได้มีสัญญายอมความกันว่า ศ. ยอมใช้เงินให้ภายในกำหนด ๔ เดือนหาก ส.ไม่ใช้ โจทก์ที่ ๑ – ๒ จะใช้แทนให้จนครบ ท้ายสัญญายอมความลงชื่อจำเลย (ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนั้น) โจทก์ที่ ๑ นายกิม ทนายโจทก์ที่ ๒ นายไสวทนาย ศ. โจทก์ที่ ๒ กับ ส. ไม่ได้ลงนาม ทั้งใบแต่งทนายก็ไม่มีข้อความให้อำนาจทนายยอมความได้ศาลได้ พิพากษาท้ายยอมและ+++ให้ทนายฟังในวันนั้นแล้ว
โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ว่าโจทก์ไม่ต้องรับผิดตาม สัญญายอมนั้น และ สัญญายอมความไม่ผูกมัด ศ. ๆ ได้ปฏิเสธแบ้ว เมื่อ ศ. ซึ่งเป็นลูกหนี้ไม่ต้องรับผิด โจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันก็ไม่ต้องรับผิดด้วย ส่วนโจทก์ที่ ๒ นั้น ไม่ได้ลงชื่อในสัญญายอมความและมิได้มอบอำสาจพิเศษให้ทนาย จึงขอให้ศาลแสดงว่าคำพิพากษาท้ายยอมเป็นโมฆะ
ศาลแพ่งและ ศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาตัดสินว่าข้ออ้างขอโจทก์ที่ว่าเมื่อ ศ. ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิด โจทก์โดยฐานะผู้ค้ำประกันจึงไม่ต้องรับผิดด้วยนั้น คดีเรื่อง ศ. ร้องขอทำลาย สัญญายอมความนั้นได้ขึ้นมาสู่ศาลฎีกา ๆ ได้ วินิจฉัยแล้วว่า ศ.ต้องรับผิด ข้ออ้างนี้จึงตกไป สำหรับ โจทก์ที่ ๒ นั้น ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงมาว่า โจทก์ที่ ๒ ได้รับรู้ในเรื่อง สัญญายอมฉะบับนี้โดยชัดแจ้งแล้ว ถึงแม้ว่า สัญญายอมความซึ่งทนายโจทก์ ที่ ๒ ทำไปนั้นเป็นการนอกอำนาจหรือทำโดยปราศจากอำนาจ แต่ ก็ไม่เป็นโมฆะกรรม โจทก์ที่ ๒ ได้ทราบความไม่สมบูรณ์ของ สัญญายอมความ ขณะที่อยู่ในอายุความ อุทธรณ์ ซึ่งจะขอเพิกถอนสัญญายอมควาเสียก็ได้ แต่ก็หาได้อุทธรณ์ไม่ คงรับรองการกระทำของทนายเช่นนี้ จึงเห็นว่า คำพิพากษาท้ายยอมได้เสร็จเด็ดขาดไปแล้ว โดยมิไดมีการฟ้องร้องขอให้ทำลายตามนัยประมวล วิธีพิจารณาความแพ่ง ม. ๑๓๘ แล้ว จึง พิพากษายืนตาม ให้ยก ฎีกาโจทก์