คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13255/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 13 บัญญัติว่า “ถ้าเจ้าของโรงเรือนใดติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อใช้ดำเนินอุตสาหกรรมบางอย่าง เช่น โรงสี โรงเลื่อย ฯลฯ ขึ้นในโรงเรือนนั้น ๆ ในการประเมินท่านให้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามของค่ารายปีของทรัพย์สินนั้น รวมทั้งส่วนควบดังกล่าวแล้วด้วย” เมื่อเตาเผาทั้ง ๖ เตาพร้อมอุปกรณ์ของโจทก์มีลักษณะเป็นสิ่งปลูกสร้างอย่างหนึ่งที่มีฐานติดตรึงกับพื้นดิน และมีเครื่องจักรเป็นเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมติดตั้งอยู่ภายใน มิได้มีสภาพเป็นที่สำหรับเข้าอยู่อาศัยหรือเป็นที่ไว้สินค้าคล้ายกับโรงเรือนแต่อย่างใด ส่วนสิ่งปลูกสร้างด้านบนแม้จะมีลักษณะคล้ายโรงเรือนโดยด้านในมีเครนไฟฟ้าอยู่และใช้โครงสร้างของตัวเตาเผาต่อเติมขึ้นไป แต่ก็ไม่ได้มีลักษณะอย่างโรงเรือนทั่วไปที่ต้องมีโครงสร้างรองรับน้ำหนักสัมผัสพื้นดิน เตาเผาทั้ง ๖ เตา ของโจทก์ไม่อาจถือเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญอันมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อใช้ดำเนินอุตสาหกรรม คงเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น และมาตรา 13 ใช้บัญญัติให้ลดค่ารายปีเฉพาะโรงเรือนที่ติดตั้งเครื่องจักรกลไกเท่านั้นมิได้หมายความรวมถึงสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นด้วย การที่จำเลยมีคำชี้ขาดไม่ลดค่ารายปีให้แก่โจทก์จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินและคำชี้ขาดค่ารายปีและค่าภาษีของจำเลย ให้จำเลยคืนเงินค่าภาษีที่โจทก์ชำระให้เกินไป 266,666.67 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามที่คู่ความไม่ได้โต้เถียงกันว่า โจทก์เป็นเจ้าของโรงเรือนเลขที่ 301 จังหวัดนครราชสีมา โจทก์ยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2554 แสดงรายการทรัพย์สิน ดังนี้ โกดัง 3 หลัง สำนักงาน เตาเผา โกดังถ่าน โรงแยกขนาด โรงบด เครื่องจักร โดยโจทก์ให้บริษัททองพล จำกัด เช่าทรัพย์สินทั้งหมด ตกลงค่าเช่าเป็นรายเดือน รวมค่าเช่าทั้งปีเป็นเงิน 6,400,000 บาท ต่อมาพนักงานเจ้าหน้าที่จำเลยมีใบแจ้งรายการประเมินแก่โจทก์เป็นค่ารายปี 2,833,333.33 บาท ค่าภาษี 354,166.67 บาท โจทก์ไม่เห็นด้วยจึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ คณะกรรมการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่มีมติให้อาคารสำนักงานเป็นโรงเรือนที่ติดตั้งเครื่องชั่งไว้ภายในอาคาร เป็นโรงเรือนที่ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามของค่ารายปีของทรัพย์สินนั้น ส่วนโรงแยกขนาด โรงบดและเครื่องจักร พนักงานเจ้าหน้าที่จำเลยได้พิจารณาลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามของค่ารายปีของทรัพย์สินนั้นตั้งแต่มีใบแจ้งรายการประเมินค่าภาษีแล้ว ส่วนทรัพย์สินรายการอื่นไม่ต้องด้วยมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 จึงไม่ลดค่ารายปีให้ นายกเทศมนตรีตำบลสีมามงคลได้แจ้งคำชี้ขาดที่เห็นชอบตามคณะกรรมการพิจารณาการประเมินใหม่ให้โจทก์ทราบแล้ว โจทก์ชำระค่าภาษีตามการประเมินแล้ว แต่ไม่เห็นด้วยกับคำชี้ขาดจึงฟ้องเป็นคดีนี้ ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า การประเมินและคำชี้ขาดของจำเลยชอบแล้ว โจทก์อุทธรณ์เฉพาะในส่วนของเตาเผาทั้ง 6 เตา การประเมินและคำชี้ขาดในส่วนของทรัพย์สินรายการอื่นจึงยุติแล้ว
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงประการเดียวว่า การประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่และคำชี้ขาดของนายกเทศมนตรีตำบลสีมามงคลในส่วนของเตาเผาทั้ง 6 เตา ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และจำเลยต้องคืนเงินภาษีแก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด โจทก์อุทธรณ์ว่า เตาเผาทั้ง 6 เตา อยู่ติดกันและเป็นอาคารขนาดใหญ่มีหลังคาและผนังปูนกั้นโดยรอบ โดยสภาพเป็นโรงเรือนโดยไม่ต้องอยู่ในโรงเรือนอื่น เตาเผาทั้ง 6 เตา มีลักษณะเป็นสิ่งปลูกสร้างมีผนังอย่างดี มีหลังคาคลุม มีบันได หน้าต่างรองรับบุคคลหลายคนเข้าทำงานได้ ย่อมเป็นโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นซึ่งบุคคลอาจเข้าอยู่หรืออาจใช้สอยได้ เมื่อเตาเผาทั้ง 6 เตา พร้อมอุปกรณ์ติดตั้งติดตรึงถาวรประกอบเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือนจึงเป็นส่วนควบกับโรงเรือน เตาเผาและอุปกรณ์จึงเป็นโรงเรือนที่ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำ หรือเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 นั้น เห็นว่า มาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 บัญญัติว่า “ถ้าเจ้าของโรงเรือนใดติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมบางอย่าง เช่น โรงสี โรงเลื่อย ฯลฯ ขึ้นในโรงเรือนนั้น ๆ ในการประเมิน ท่านให้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามของค่ารายปีของทรัพย์สินนั้น รวมทั้งส่วนควบดังกล่าวแล้วด้วย” เมื่อพิจารณาภาพถ่ายเตาเผาทั้ง 6 เตา พร้อมอุปกรณ์และแบบแปลนแสดงอาคารเครื่องจักรอาคารเตาเผาปูน ประกอบกับทางนำสืบของโจทก์และจำเลยเกี่ยวกับสภาพและลักษณะเตาเผาทั้ง 6 เตา ทั้งด้านนอกและด้านใน จะเห็นได้ว่าเตาเผาทั้ง 6 เตา พร้อมอุปกรณ์มีระบบสายพานและเครนไฟฟ้าสำหรับลำเลียงหินปูนและถ่านหินเชื้อเพลิงใส่เข้าเตาเผาเพื่อทำการเผาในอุณหภูมิและระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยมีพัดลมที่ด้านล่างแท่นปูนเพื่อเพิ่มอากาศให้การเผาหินปูน สาระสำคัญจึงอยู่ที่เตาเผาทั้ง 6 เตา พร้อมอุปกรณ์ที่จะต้องทำงานเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ซึ่งจะทำให้การเผาหินปูนเป็นไปโดยสมบูรณ์จึงไม่อาจแยกส่วนหนึ่งส่วนใดออกจากกันได้ เตาเผาทั้ง 6 เตา พร้อมอุปกรณ์จึงมีลักษณะเป็นสิ่งปลูกสร้างอย่างหนึ่งที่มีฐานติดตรึงกับพื้นดินที่มีเครื่องจักรและเป็นเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมติดตั้งอยู่ภายใน มิได้มีสภาพเป็นที่สำหรับเข้าอยู่อาศัยหรือเป็นที่ไว้สินค้าคล้ายกับโรงเรือนแต่อย่างใด ส่วนสิ่งปลูกสร้างด้านบนที่มีลักษณะคล้ายโรงเรือนโดยด้านในมีเครนไฟฟ้าอยู่และใช้โครงสร้างของตัวเตาเผาสร้างต่อเติมขึ้นไปนั้น ก็ไม่ได้มีลักษณะอย่างโรงเรือนทั่วไปที่ต้องมีโครงสร้างรองรับน้ำหนักสัมผัสพื้นดิน ทั้งผู้รับมอบอำนาจโจทก์ยังเบิกความตอบทนายโจทก์ถามติงว่า อาคารด้านบนมีไว้เพื่อใช้ป้องกันไม่ให้ฝนตกใส่เตาเผาเท่านั้น เตาเผาทั้ง 6 เตา จึงไม่อาจถือเป็นโรงเรือนซึ่งติดตั้งส่วนควบที่สำคัญอันมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อดำเนินการอุตสาหกรรมดังที่โจทก์อุทธรณ์ เตาเผาทั้ง 6 เตา จึงเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น แม้โจทก์จะติดตั้งระบบสายพานขนถ่ายปูน มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 7.5 H.P. และมีมอเตอร์ขับเคลื่อนเครนไฟฟ้าขนาด 7.5 H.P. และขนาด 20 H.P. ซึ่งเป็นเครื่องกำเนิดสินค้าของโจทก์และเป็นส่วนสำคัญในการผลิตปูนขาวไว้ในเตาเผาก็ตาม แต่มาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 บัญญัติให้ลดค่ารายปีเฉพาะกรณีโรงเรือนที่ติดตั้งเครื่องจักรกลไกเท่านั้น มิได้หมายรวมถึงสิ่งปลูกสร้างด้วย การที่จำเลยมีคำชี้ขาดไม่ลดค่ารายปีในส่วนเตาเผาทั้ง 6 เตา ให้แก่โจทก์จึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของโจทก์เพราะมิทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

Share