แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานตามกฎหมายอาญา มาตรา 158 นั้นผู้แจ้งต้องมีเจตนาแจ้งเท็จให้ผู้อื่นเสียหายจึงจะมีความผิด
โจทก์กับบิดาจำเลยทำสัญญาซื้อสวนยางพิพาทกัน ที่สุดสัญญาต้องเลิกเพราะสามีโจทก์เป็นคนต่างด้าว โจทก์ต้องคืนสวนยาง บิดาจำเลยต้องคืนมัดจำตามที่ตกลงกัน แต่โจทก์ถือว่าโจทก์ยังมีสิทธิตัดยางอยู่เพราะยังไม่ได้คืนมัดจำ และจำเลยได้ไปแจ้งตำรวจจับโจทก์หาว่าลักตัดยางของบิดาตามที่บิดาใช้ไปภายหลังที่โจทก์ได้ทราบว่าไม่มีสิทธิซื้อและต้องคืนสวนยางแล้ว เช่นนี้เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเข้าใจโดยสุจริตหาได้เจตนาแจ้งความเท็จให้โจทก์เสียหายไม่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 158
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา มาตรา 158, 268, 270, 70 ฯลฯ โดยกล่าวหาว่าจำเลยแจ้งความเท็จต่อตำรวจว่า โจทก์ลักตัดยางในสวนของจำเลย ความจริงสวนยางไม่ใช่ของจำเลยโจทก์มีสิทธิตัดยางในสวนนั้นโดยอาศัยสัญญาซึ่งบิดาจำเลยทำให้โจทก์ตัดยางได้โจทก์ถูกตำรวจจับไปขัง 1 วัน
จำเลยให้การว่า เจ้าพนักงานอำเภอได้แจ้งให้โจทก์ทราบแล้วว่าโจทก์ไม่มีสิทธิซื้อสวนยางของบิดาจำเลย ต้องคืนสวนยาง แต่โจทก์ยังคงกรีดยางอยู่ต่อไป จำเลยจึงไปแจ้งตำรวจแทนบิดาจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 118 ฯลฯ จำคุก 3 เดือน ลดตามมาตรา 59 คงจำคุก 2 เดือนส่วนข้อหาตามมาตรา 270 ให้ยกเสีย
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยหาได้เจตนาแจ้งความเท็จให้โจทก์เสียหายไม่ จำเลยไม่มีความผิดตาม มาตรา 198 ดังฟ้องพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 158 ฯลฯ เป็นให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานนี้ด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริง ว่าโจทก์กับบิดาจำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายสวนยางที่พิพาท ที่สุดสัญญาเป็นอันต้องเลิกไปเพราะสามีโจทก์เป็นคนต่างด้าว โจทก์ต้องคืนสวนยาง บิดาจำเลยต้องคืนมัดจำตามที่ตกลงกัน แต่โจทก์ถือว่าตราบใดที่จำเลยยังไม่คืนมัดจำให้ โจทก์ก็มีสิทธิตัดยางอยู่ จำเลยได้พาตำรวจไปห้าม โจทก์ยังขืนตัดยางต่อไป รุ่งขึ้นจำเลยจึงนำตำรวจไปจับโจทก์ เห็นว่าการที่จำเลยแจ้งความต่อเจ้าพนักงานก็โดยบิดาจำเลยใช้ให้ไปแจ้งเพราะสวนยางของบิดาจำเลยถูกกรีดยาง โจทก์ทราบจากเจ้าพนักงานแล้วว่าโจทก์ไม่มีสิทธิซื้อและจะต้องคืนสวนยางแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความเข้าใจโดยสุจริตหาได้มีเจตนาจะแจ้งความเท็จให้โจทก์เสียหายไม่ จึงไม่มีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 158
พิพากษายืน