แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องกล่าวว่าจำเลยบังอาจสมคบกับพวกใช้ไม้ด้ามเสียมเป็นศาตราวุธตีทำร้ายร่างกายผู้เสียหายตายโดยเจตนาอ้างบทกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 มาเป็นบทขอให้ลงโทษ ดังนี้ ย่อมถือได้ว่า ฟ้องโจทก์มีความหมายเพียงพอให้เข้าใจได้ว่า โจทก์หาว่าจำเลยฆ่าผู้เสียหายตายโดยเจตนา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจสมคบกับพวกใช้ไม้ด้ามเสียมเป็นศาสตราวุธตีทำร้ายร่างกายนายพวง คณะคุณ ตายโดยเจตนาและพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 250
จำเลยรับว่าได้ใช้ไม้ด้ามเสียมตีนายดวง ตายจริงโดยไม่มีเจตนาฆ่า
ศาลชั้นต้นเชื่อข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ฆ่านายดวงตายด้วยความพยายามมาดหมาย แต่คำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่า จำเลยกับพวกใช้ไม้ตีนายดวงตายโดยเจตนานั้น คำว่าเจตนาน่าจะหมายถึงการตีโดยเจตนา จะว่า เจตนาฆ่าย่อมไม่ได้ คำว่าตายก็คือผลแห่งการตีทำให้นายดวงตายเท่านั้น ฉะนั้นต้องถือว่า เป็นเรื่องกล่าวหาว่าจำเลยฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ศาลจึงต้องลงโทษเพียงเท่าที่โจทก์ฟ้องพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 251 วรรคท้าย จำคุก 20 ปี ลดตามมาตรา 59 เสีย 8 ปี คงจำคุก 12 ปี
โจทก์ จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่า คำฟ้องของโจทก์จะถือว่าเป็นฟ้องฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ ส่วนข้อเท็จจริงเห็นว่า ไม่ได้ความชัดว่า จำเลยฆ่านายดวงโดยความพยายามมาดหมาย จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีผิดตามมาตรา 251 วรรคแรก จำคุก 15 ปี ลดตามมาตรา 59หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์กล่าวว่า ข้อความที่จำเลยบังอาจใช้ไม้ตีนายดวงตายและคำว่า โดยเจตนา เมื่อประกอบกันแล้วย่อมมีความหมายได้ว่า โจทก์หาว่า จำเลยกระทำโดยเจตนาให้นายดวงตายตรงกับข้อความที่บัญญัติไว้ในมาตรา 249 นั้นเอง เมื่อประกอบกับโจทก์ได้อ้างมาตรา 249 มาเป็นบทลงโทษด้วยแล้ว เห็นว่าฟ้องโจทก์มีความหมายเพียงพอให้เข้าใจได้แล้วว่า โจทก์หาว่าจำเลยฆ่านายดวงตายโดยเจตนา ส่วนข้อเท็จจริง ก็คงฟังตามศาลอุทธรณ์
จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามมาตรา 249 ให้จำคุกตลอดชีวิตลดตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุก 15 ปี