คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ค้ำประกันทำสัญญาค้ำประกันการจำนองว่า ถ้าผู้จำนองผิดสัญญาไม่ชำระเงินต้นตามสัญญาผู้ค้ำประกันยอมให้ผู้รับจำนองฟ้องร้องเรียกเงินตามสัญญาจำนองของผู้จำนอง โดยผู้ค้ำประกันยอมใช้เงินตามสัญญาจำนองและค่าเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนี้ แม้ตามสัญญาจำนองจะไม่มีกล่าวไว้ว่า ถ้าบังคับจำนองแล้วยังขาดเงินอยู่เท่าใด ผู้จำนองต้องใช้อีกจนครบก็ดี ในเมื่อมีการบังคับจำนองขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ของผู้รับจำนอง ผู้ค้ำประกันย่อมต้องรับผิดต่อผู้รับจำนองในจำนวนเงินที่ยังขาดอยู่ตามสัญญาค้ำประกันนั่น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้จำนองเรือยนต์ไว้แก่โจทก์เป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท ทำหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่วาการอำเภอ ตามสำเนาสัญญาจำนองหมาย ๑ ท้ายฟ้อง จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันตามสำเนาสัญญาค้ำประกันหมาย ๒ ท้ายฟ้อง จำเลยที่ ๑ ผิดนัดตามสัญญา ต้องชำระดอกเบี้ยเป็นงวด ๆ ตามสัญญา รวม ๑๐,๓๔๐.๔๐ บาท โจทก์ทวงถามให้จำเลยที่ ๑-๒ ไถ่ถอนการจำนองและมีหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควร ตามสำเนาหนังสือหมาย ๓-๔ ท้ายฟ้องแล้ว จำเลยทั้ง ๒ เพิกเฉย จึงขอบังคับให้จำเลยนำต้นเงินและดอกเบี้ยรวม ๔๐,๓๔๐.๔๐ ไถ่ถอนการจำนอง ถ้าไม่ไถ่ถอนก็ให้ยึดเรือยนต์จำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ ถ้ายังขาดอยู่เท่าใดขอให้จำเลยที่ ๒ ชำระหนี้ให้โจทก์คนครบ
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แก่โจทก์ โดยจำเลยที่ ๑ ในฐานะลูกหนี้ชั้นต้น จำเลยที่ ๒ ในฐานผู้ค้ำประกันตามจำนวนต้นเงินและดอกเบี้ยที่โจทก์ฟ้อง ถ้าไม่ชำระให้บังคับจำนองเอาเรือจำนองขายทอดตลาดใช้หนี้ ขาดเงินเท่าใดจะเรียกร้องเอาจากจำเลยที่ ๑ หรือที่ ๒ อีกไม่ได้ เว้นแต่ค่าธรรมเนียมศาลกับค่าทนาย เพราะสัญญาจำนองไม่มีกล่าวไว้ว่าบังคับจำนองยังขาดเงินอยู่เท่าใดแล้ว ผู้จำนองจะต้องใช้อีก และสัญญาค้ำประกันก็ค้ำประกันในหนี้ที่ผู้จำนองจะต้องใช้จริงเท่านั้น
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้จำเลยที่ ๒ รับผิดชำระหนี้ให้โจทก์จนครบ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ถ้าการขายทอดตลาดเรือจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้โจทก์ ยังขาดอยู่เท่าใด ให้จำเลยที่ ๒ ชำระให้โจทก์จนครบ
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาค้ำประกันมีข้อความว่า ถ้าผู้จำนองผิดสัญญาโดยไม่ชำระเงินต้นตามสัญญา ผู้ค้ำประกันยอมให้ผู้รับจำนองฟ้องร้องเรียกเงินตามสัญญาจำนองของผู้จำนอง โดยผู้ค้ำประกันยอมใช้เงินตามสัญญาจำนอง และค่าเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่า ผู้ค้ำประกัน คือ จำเลยที่ ๒ ยอมผูกพันตนเพื่อชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้หรือผู้รับจำนอง คือ โจทก์ ว่าถ้าผู้จำนองผิดสัญญาไม่ชำระเงินแก่โจทก์แล้ว จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันยอมใช้เงินให้โจทก์ตามสัญญาจำนองทั้งสิ้น ถึงหากตามสัญญาจำนองจะไม่มีกล่าวไว้ว่า ถ้าบังคับจำนองแล้วยังขาดเงินอยู่เท่าใด ผู้จำนองต้องใช้อีกจนครบก็ดี ก็เป็นข้อตกลงระหว่างผู้รับจำนองกับผู้จำนอง หาเกี่ยวถึงผู้ค้ำประกันซึ่งได้ตกลงทำสัญญาค้ำประกันไว้กับผู้รับจำนองอีกต่างหากจากสัญญาจำนองไม่ พิพากษายืน

Share