คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1316/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องของจำเลยร่วมขอให้เปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษาซึ่งทำการพิจารณาพิพากษา แม้จะมีข้อความกล่าวถึงเรื่องส่วนตัวเป็นเชิงตำหนิติเตียนผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาคดี และข้อความบางตอนอาจทำให้เข้าใจไปในทางไม่ดีงาม แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องกล่าวเพื่อให้มูลข้ออ้างมีน้ำหนักพอรับฟัง เมื่อยังไม่มีพฤติการณ์อื่นประกอบพอให้เห็นเจตนาก้าวร้าวเสียดสี เพียงเท่านี้ยังไม่พอรับฟังว่าจำเลยร่วมประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันจะเป็นผิดฐานละเมิดอำนาจศาลได้
การที่จำเลยร่วมพูดโต้ตอบกับผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนด้วยอาการเชิดหน้าอย่างท้าทายขณะที่พบกันบนศาลนั้น เป็นเพียงอาการกิริยาของจำเลยร่วมที่แสดงออกโดยไม่สมควรเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยร่วมประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอันจะเป็นผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำคุกจำเลยร่วมฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง อัยการฎีกาได้

ย่อยาว

คดีนี้ มูลกรณีสืบเนื่องจากคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 605/2516 ของศาลจังหวัดนครราชสีมา โดยในระหว่างพิจารณา จำเลยร่วมได้ยื่นคำร้องต่ออธิบดีผู้พิพากษาภาค 3 ให้เปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษาที่ทำการพิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าว ใจความว่า มีเหตุให้ผู้พิพากษาทั้งสองที่พิจารณาคดีเกิดความเข้าใจผิดและไม่พอใจจำเลยร่วมเป็นส่วนตัวหลายเรื่อง และโจทก์เป็นคนมีเงิน มีอิทธิพล มีความกว้างขวางในวงราชการหลายด้าน ทำให้จำเลยร่วมหวั่นวิตกว่าอาจทำให้แพ้คดีในวิถีทางที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ต่อมาผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนได้พบกับจำเลยร่วมที่บนศาลจึงไต่ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ จำเลยร่วมพูดโต้ตอบด้วยอาการเชิดหน้าอย่างท้าทาย

ศาลชั้นต้นเห็นว่า การกระทำของจำเลยร่วมดังกล่าวเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1), 33 ให้จำคุก 6 เดือน

จำเลยร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้น

พนักงานอัยการจังหวัดนครราชสีมาฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องของจำเลยร่วมที่ยื่นต่ออธิบดีผู้พิพากษาภาค 3 ขอให้เปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษาซึ่งทำการพิจารณาพิพากษาคดีนั้นแม้จะมีข้อความกล่าวถึงเรื่องส่วนตัว เป็นเชิงตำหนิติเตียนผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาคดี และข้อความบางตอนอาจทำให้เข้าใจไปในทางไม่ดีงามได้ก็ตามแต่เห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องกล่าวไว้เพื่อให้มูลข้ออ้างแห่งคำร้องของจำเลยร่วมมีน้ำหนักรับฟังได้เช่นนั้น เมื่อยังไม่มีพฤติการณ์อื่นประกอบพอให้เห็นว่าจำเลยร่วมมีเจตนาก้าวร้าวเสียดสีศาลหรือผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาคดีลำพังเท่านี้ยังไม่พอรับฟังว่าจำเลยร่วมประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอันจะเป็นผิดฐานละเมิดอำนาจศาลได้ และการที่จำเลยร่วมพูดโต้ตอบกับผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนด้วยอาการเชิดหน้าอย่างท้าทายขณะพบกันบนศาลนั้น เห็นว่าเป็นเพียงอาการกิริยาของจำเลยร่วมที่แสดงออกมาอย่างไร้มารยาท อันผู้มีวัฒนธรรมไม่สมควรจะประพฤติปฏิบัติเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยร่วมประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลและมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

พิพากษายืน

Share