แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาทางพระราชไมตรีโปรโตคลว่าด้วยอำนาจศาลต่อท้ายหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรีข้อ 4 วรรค 1 ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1925 คดีที่เจ้าทุกข์เป็นคนในบังคับอื่นนั้นแม้คนบังคับฝรั่งเศสฟ้องแทนก็คงขึ้นศาลไทยธรรมดาแลคู่ความมีสิทธิฎีกาได้ทั้งในปัญหากฎหมายแลข้อเท็จจริง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลยุตติธรรม ร.ศ. 127 ม.12 +ผิดศาล +สมบูรณ์ คดีซึ่งต้องขึ้นศาลไทยธรรมดา ถ้าศาลต่างประเทศรับพิจารณาพิพากษามาแล้ว ศาลฎีกาก็พิจารณาพิพากษาข้อเท็จจริงแลข้อกฎหมายในท้องสำนวนไปได้ ไม่ต้องย้อนสำนวนไปเริ่มพิจารณากันใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกสมคบกันลักโคซึ่งอยู่ในความปกครองของโจทก์ไปขอให้ลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับศาลต่างประเทศให้ยกฟ้องโจทก์ โดยฟังข้อเท็จจริงว่าหลักฐานโจทก์ยังไม่พอจะลงโทษจำเลยได้
โจทก์ฎีกาทั้งในปัญหาข้อกฎหมายแลข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าตามข้อ ๔ วรรค ๑ แห่งโปรโตคลว่าด้วยอำนาจศาลอันจะพึงใช้แก่คนสังกัดชาติฝรั่งเศสติดท้ายหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรี ฯลฯ ลงวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ค.ศ.๑+๒๕ เห็นว่าต้องถือสัญชาติเจ้าทุกข์เป็นใหญ่ ในการที่จะวินิจฉัยว่าคดีเรื่องชนิดนี้จะตกอยู่ในอำนาจศาลต่างประเทศหรือมิใช่ คดีนี้เจ้าทุกข์คือวัดโรมันคาธอลิค ศาลควรดำเนินการพิจารณาอย่างคดีไทยธรรมดา เป็นการไม่ชอบที่ศาลชั้นต้นถือเอาสัญชาติของผู้ฟ้องเป็นใหญ่ เห็นว่าโจทก์มีสิทธิฎีกาได้ทั้งปัญหาข้อกฎหมายแลข้อเท็จจริง แล้ววินิจฉัยยืนตามศาลอุทธรณ์โดยฟังข้อเท็จจริงว่า พะยานโจทก์ยังไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้