คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

+สาธารณสมบัติของแผ่นดินผู้ใดจะยกอายุความสิ้นเป็นข้อตัดฟ้องมิได้ ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ม.172-127 ฟ้องที่กล่าวข้อความชัดเจนว่าที่พิพาทเป็นที่หลวงโจทก์เป็นผู้ปกครองจำเลยต่อสู้กรรมสิทธิและโจทก์จึงฟ้องขับไล่ดังนี้ ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ เอกสารทางราชการที่นำมาอ้างในศาลโดยมีพะยานบุคคลมาสืบประกอบแม้จะทำลับหลัง จำเลยก็รับฟังได้+

ย่อยาว

คดีได้ความว่าที่รายพิพาทนี้เดิมเป็นวังกรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้กระทรวงกลาโหมสำหรับใช้ในราชการทหารโดยมีเอกสารหลายฉะบับเป็นพะยานหลักฐาน จำเลยเป็นผู้สืบสกุลมาจากกรมพระพิพิธ ฯ และได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ในที่นี้มานมนาน ที่รายนี้เป็นที่ ๆ ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ บัดนี้โจทก์ต้องการที่รายนี้จำเลยไม่ยอมออกจึงฟ้องคดีนี้ขึ้น
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าที่รายพิพาทเป็นที่หลวงรัชชกาลที่ ๕ พระราชทานให้กระทรวงกลาโหม จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามป.พ.พ.ม.๑๓๐๔ และ ๑๓๐๖ จำเลยจะยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินมิได้พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนเรือนโรงออกไปจากที่รายนี้
จำเลยอุทธรณ์ ตั้งทุนทรัพย์ ๓๐๐๐ บาท
ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าเรื่องอำนาจฟ้องนั้นโจทก์ได้เข้าใช้อำนาจปกครองแล้วโจทก์ย่อมมีสิทธิจะฟ้องจำเลยได้เห็นว่าที่รายนี้เป็นที่หลวงจริง พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และที่รายพิพาทไม่ใช่ที่หลวงเพราะหลักฐานของโจทก์ไม่เพียงพอ
ศาลฎีกาตัดสินว่าฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม เพราะมีข้อความกล่าวชัดเจนว่าที่พิพาทเป็นที่หลวงสงวนไว้ใช้ราขการทหาร โจทก์ปกครองดูแลอยู่ จำเลยปลูกสร้างบ้านเรือนในบริเวณนี้และสู้ว่าเป้นเจ้าของกรรมสิทธิ โจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้อย่างใด และข้อที่จำเลยคัดค้านว่าเอกสารที่ทำขึ้นลับหลังจำเลยนั้นรับฟังมิได้ เห็นว่าเอกสารทั้งหลายนี้เป็นหนังสือราชการมีพะยานบุคคลเบิกความประกอบว่าเป็นหนังสือราชการแม้ทำลับหลังจำเลยก็รับฟังได้ และเห็นว่าที่รายนี้เป็นที่หลวง แม้จำเลยจะอยู่มานานเท่าใดจะอ้างอายุความขึ้นตัดฟ้องมิได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share