คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1314/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุตรที่เกิดแต่บิดามารดาซึ่งมิได้สมรสกันโดยจดทะเบียนให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มิใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา บิดาจะอ้างว่าเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1541 มิได้
มาตรา 1627 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติเรื่องสิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว หาได้บัญญัติให้บุตรนอกกฎหมายมีความสัมพันธ์กับบิดาจนถึงกับให้บิดาใช้อำนาจปกครองและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมตามกฎหมายครอบครัวด้วยไม่
การเรียกค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 รวมทั้งค่าปลงศพนั้น หมายความเฉพาะแต่ผู้ที่เป็นทายาทจะเรียกร้องเอาแก่ผู้ที่ทำให้เจ้ามรดกตาย เพราะสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยเหตุที่ได้ละเมิดแก่เจ้ามรดกตกทอดมายังผู้เป็นทายาทภายใต้บังคับของมาตรา1649 เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นสามีนางแดง ด้วนเล็ก ไม่ได้จดทะเบียนสมรสโจทก์ที่ 2, 3, 4 เป็นผู้เยาว์บุตรของโจทก์ที่ 1 กับนางแดง นายแปลก ด้วนเล็ก ใช้พร้าฟันโจทก์ที่ 1 บาดเจ็บสาหัสแขนพิการ ประกอบอาชีพไม่ได้ตามปกติ และได้ฟันนางแดงตายด้วยแล้วนายเปลกก็ฆ่าตัวตาย โจทก์ที่ 1 ได้รับความเสียหายเนื่องจากผักที่จะนำไปขายกับผักในสวนเน่าเสีย มือพิการ ค่ารักษาบาดแผล และค่าทำศพนางแดง รวมเป็นเงิน 16,955 บาท นางแดงมีอาชีพกรีดยางนำรายได้มาเลี้ยงดูโจทก์ที่ 2, 3, 4 เมื่อนางแดงตายโจทก์ 3 คนนี้จึงขาดไร้อุปการะเป็นเงิน 24,000 บาท จำเลยที่ 1 เป็นภรรยานายเปลก จำเลยที่ 2 เป็นบุตร ทั้งสองเป็นผู้รับมรดกขอให้บังคับจำเลยให้เอาทรัพย์มรดกนายเปลกใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ที่ 1 กับนายเปลกวิวาทกัน เรียกค่าเสียหายกันไม่ได้ โจทก์ไม่เสียหายดังฟ้อง นายเปลกมิได้ทำให้นางแดงตาย โจทก์ที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ที่ 2, 3, 4 ฟ้องคดีแทนไม่ได้

ในชั้นพิจารณา จำเลยแถลงรับว่า นายเปลกฟันโจทก์ที่ 1 และฟันนางแดงตายจริง

ศาลชั้นต้นพิจารณาได้ความว่า โจทก์เป็นสามีนางแดงเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยครอบครัวแล้ว โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส จำเลยเป็นภรรยาและบุตรนายเปลก เห็นว่าโจทก์ที่ 1มีฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ที่ 2, 3, 4 มีอำนาจฟ้องแทนได้ แต่โจทก์ที่ 1 ไม่ใช่สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของนางแดงจึงไม่ใช่ทายาทอันจะมีสิทธิเรียกค่าทำศพนางแดง พิพากษาให้จำเลยเอาทรัพย์มรดกของนายเปลกใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 1,460 บาทใช้ค่าขาดไร้อุปการะแก่โจทก์ที่ 2, 3, 4 เป็นเงิน 8,400 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนโจทก์

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ที่ 2, 3, 4 เป็นบุตรนอกสมรส และไม่ปรากฏว่าได้มีการจดทะเบียนรับรองว่าผู้เยาว์ 3 คนนี้เป็นบุตรโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 จึงมิใช่ผู้แทนโดยชอบธรรม ไม่มีอำนาจฟ้องแทนโจทก์ที่ 2, 3, 4 อุทธรณ์ในข้อจำนวนค่าอุปการะเลี้ยงดูจึงไม่ต้องวินิจฉัยส่วนค่าปลงศพนางแดงนั้นเห็นว่า นายลับไม่ใช่ทายาทของนางแดงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าปลงศพได้ และศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องในจำนวนค่าเสียหายอื่น ๆ จึงพิพากษาแก้จำนวนค่าสินไหมทดแทนที่ให้แก่นายลับโจทก์ และยกฟ้องโจทก์ที่ 1 ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์อื่นเสีย

โจทก์จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า

1. โจทก์ที่ 2, 3, 4 เป็นบุตรของนางแดงซึ่งมิได้สมรสกับโจทก์ที่ 1 โดยจดทะเบียนให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โจทก์ที่ 1 จะอ้างว่าเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ที่ 2, 3, 4 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1541 มิได้ มาตรา 1627 ที่โจทก์อ้างนั้น บัญญัติเรื่องสิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว ให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดานรับมรดกบิดาได้เหมือนบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายตามกฎหมายว่าด้วยมรดกเท่านั้น หาได้บัญญัติให้บุตรนอกกฎหมายมีความสัมพันธ์กับบิดาจนถึงกับให้บิดาใช้อำนาจปกครองและเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมตามกฎหมายว่าด้วยครอบครัวด้วยไม่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว

2. การเรียกค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 443 รวมทั้งค่าปลงศพนั้น หมายความเฉพาะแต่ผู้ที่เป็นทายาทจะเรียกร้องเอาแก่ผู้ที่ทำให้เจ้ามรดกถึงตาย เพราะสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยเหตุที่ได้ละเมิดแก่เจ้ามรดกตกทอดมายังตนผู้เป็นทายาท ภายใต้บังคับของมาตรา 1649 เท่านั้น มิได้หมายความว่าใครทำศพก็จะมีสิทธิเรียกร้องค่าทำศพในลักษณะที่เป็นค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิดเสียเองได้เสมอไป โจทก์มิใช่ทายาท เพราะไม่ใช่สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของนางแดง จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าปลงศพเป็นสินไหมทดแทนแก่ตนในการที่นายเปลกทำละเมิดต่อนางแดง

เมื่อวินิจฉัยจำนวนค่าเสียหายอื่นแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share