แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลมีหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นจำเลยฝ่ายที่สาม เพราะเหตุจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามา เพราะเมื่อหากจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยมีสิทธิไล่เบี้ยต่อจำเลยร่วมได้นั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ในคดีนี้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิไล่เบี้ยจากจำเลยร่วมได้ ดังนั้นจำเลยร่วมจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เช่นเดียวกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายตามราคารถยนต์ของโจทก์ 995,000 บาท รวมดอกเบี้ยนับแต่วันได้รับหนังสือทวงถามถึงวันฟ้องเป็นเงิน 1,021,169 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 995,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกบริษัทวิคตอรี่การ์ด จำกัด เข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
จำเลยร่วมให้การขอให้ยกคำร้องขอเรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมและขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยและจำเลยร่วมร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 650,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยและจำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ กำหนดค่าทนายความให้ 9,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยและจำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิ์โจทก์ที่จะฟ้องใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันรับฟังเป็นที่ยุติได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์นิสสัน เซฟิโร่ หมายเลขทะเบียน กจ 3888 นครราชสีมา และเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2543 โจทก์ขับรถยนต์คันดังกล่าวเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าของจำเลยสาขานครราชสีมา เพื่อซื้อสินค้า โดยได้รับบัตรผ่านจากพนักงานรักษาความปลอดภัยโดยนำไปจอดที่ชั้นใต้ดิน และเมื่อโจทก์ซื้อสินค้าเสร็จกลับมาที่รถยนต์ไม่พบรถยนต์ของโจทก์จึงไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครราชสีมา
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยและจำเลยร่วมต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายรถยนต์แก่โจทก์หรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยในบริเวณลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าของจำเลยเป็นลูกจ้างของจำเลยซึ่งกระทำในทางการที่จ้าง และทำให้รถยนต์ของโจทก์ถูกคนร้ายโจรกรรมไป แม้โจทก์มิได้กล่าวว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นลูกจ้างของจำเลยร่วมและจำเลยได้ว่าจ้างจำเลยร่วมดูแลรักษาความปลอดภัยภายในห้างสรรพสินค้าและบริเวณที่จอดรถยนต์ของจำเลยซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427 ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานฟังได้ว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นผู้ทำละเมิดเป็นลูกจ้างของจำเลยร่วม ซึ่งโจทก์และบุคคลภายนอกไม่อาจทราบได้ว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยจะเป็นลูกจ้างของจำเลยร่วม และการที่จำเลยยินยอมให้พนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยร่วมเชิดตัวเองออกแสดงตนเป็นพนักงานหรือตัวแทนเชิดของจำเลยดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้มาใช้บริการแทนจำเลยซึ่งเป็นตัวการ จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดด้วย เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องให้จำเลยร่วมรับผิดในการที่พนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นลูกจ้างกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เมื่อทางนำสืบฟังได้เป็นยุติว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ตรวจบัตรจอดรถยนต์เข้าออกภายในห้างสรรพสินค้าของจำเลยเป็นพนักงานลูกจ้างของจำเลยร่วมมิใช่ลูกจ้างของจำเลย และตามคำบรรยายฟ้องโจทก์ก็มิได้บรรยายให้ชัดแจ้งว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นตัวแทนหรือเป็นตัวแทนเชิดที่จำเลยซึ่งเป็นตัวการยินยอมให้พนักงานรักษาความปลอดภัยเชิดตัวเองในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลย จำเลยจึงหาต้องรับผิดในฐานะเป็นนายจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 ไม่ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นจำเลยร่วมซึ่งเป็นฝ่ายที่สามมีสิทธิยื่นคำให้การต่อสู้คดีได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นลูกจ้างของจำเลยร่วม โดยจำเลยว่าจ้างจำเลยร่วมเข้ามารักษาความปลอดภัยและดูแลการจราจรและทรัพย์สินภายในห้างสรรพสินค้าของจำเลยและทรัพย์สินของลูกค้าของจำเลยภายในห้างดังกล่าว จำเลยและจำเลยร่วมจึงต้องรับผิดต่อโจทก์นั้น เห็นว่า การที่ศาลมีหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาเป็นจำเลยฝ่ายที่สาม เพราะเหตุจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามา เพราะเมื่อหากจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยมีสิทธิไล่เบี้ยต่อจำเลยร่วมได้นั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ในคดีนี้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิไล่เบี้ยจากจำเลยร่วมได้ ดังนั้นจำเลยร่วมจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เช่นเดียวกันดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ