คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ได้ใช้ทางพิพาทของจำเลยเป็นทางเดินผ่านทุกปีเมื่อสิ้นฤดูทำนา เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ภาระจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินของโจทก์แล้ว แม้โจทก์จะมิได้ใช้ทางพิพาทในฤดูทำนาก็ตาม ก็หาทำให้การใช้ทางนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันได้ไม่ จำเลยจะปิดกั้นหรือขุดบ่อทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ทางดังกล่าวหาได้ไม่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2506)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์อยู่ในที่ล้อมไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณได้ โจทก์ได้ใช้ทางผ่านที่ดินผู้อื่นและที่ดินจำเลยเพื่อเดินเข้าออกสู่คลองอันเป็นทางสาธารณมากว่า ๑๐ ปีแล้ว ทางจึงตกเป็นทางจำเป็นและเป็นทางภาระจำยอมตามกฎหมาย แต่จำเลยกลับขุดบ่อปลา ทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ทางได้ จึงขอให้แสดงว่าทางดังกล่าวเป็นทางจำเป็นและเป็นภาระจำยอม บังคับให้จำเลยเปิดทาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางที่โจทก์และบุคคลอื่นใช้เดินผ่านที่ดินจำเลยเป็นทางภาระจำยอมในระหว่างระยะเวลาตั้งแต่เสร็จการเก็บเกี่ยวข้าวในนาไปจนกว่าจะมีการหว่านข้าวให้จำเลยเปิดทางและถมบ่อทำให้กลับเป็นทางตามสภาพเดิม
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ได้ใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านมาทุกปี เกินกว่า ๑๐ ปีแล้ว และโจทก์ได้ใช้ทางเดินผ่านเฉพาะหน้าแล้ง เมื่อเจ้าของที่เก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว ไปจนถึงหน้าไถหว่าน เมื่อเจ้าของที่หว่านข้าวแล้ว โจทก์เดินผ่านทางนี้ไม่ได้ ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า โจทก์ได้ใช้สิทธิในทางพิพาทนั้นโดยปรปักษ์ ภาระจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินของโจทก์แล้ว การที่โจทก์และพวกไม่ได้ใช้ทางพิพาทในฤดูทำนานั้น หาทำให้การใช้ทางนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันได้ไม่ จำเลยให้การว่า โจทก์และผู้อื่นถือวิสาสะเข้ามาเดินเองนั้น จำเลยมิได้นำสืบตามข้อต่อสู้ จึงฟังไม่ได้ ฉะนั้น จำเลยจะปิดกั้นหรือขุดบ่ออันเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถใช้ทางดังกล่าวหาได้ไม่ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share