คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไฟฉายชนิดถือเดินทางจะเป็นอาวุธหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ลักษณะว่า จะเป็นเครื่องประหารตามความในมาตรา 6 ข้อ15แห่ง กฎหมายลักษณะอาญาหรือไม่
คนร้าย 3 คนขึ้นไปทำการชิงทรัพย์บนเรือนผู้เสียหาย ปรากฏว่าผู้ร้ายไม่มีอาวุธอย่างใดนอกจากไฟฉายสำหรับถือเดินทาง เมื่อไม่ปรากฏว่าไฟฉายนั้นใหญ่และยาวเท่าใดก็จะอนุมานเอาว่าเป็นเครื่องประหารอันสามารถจะใช้กระทำแก่ร่างกายให้แตกหักบุบสลายได้ถึงสาหัสเช่นตระบอง หาได้ไม่ไฟฉายนั้นจึงไม่ใช่ศาตราวุธ คนร้ายนั้นจึงมีความผิดเพียงฐานชิงทรัพย์ไม่ใช่ปล้นทรัพย์
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา และเพิ่งโต้แย้งในชั้นฎีกาว่า ความผิดฐานปล้นทรัพย์จะต้องประกอบด้วยการมีศาตราวุธ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยให้ได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนว่า จำเลยจะมีความผิดดังข้อที่โจทก์กล่าวหาหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำการปล้นทรัพย์ของนางมูน, นางสงัด เจ็มเพ็ชร โดยใช้กำลังกายและไฟฉายเดินทางทำร้ายพวกเจ้าทรัพย์มีบาดเจ็บและเอาทรัพย์ไปรวมราคา 1,254 บาท จึงขอให้ลงโทษจำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา 301 จำคุกคนละ 10 ปี

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเชื่อข้อเท็จจริงตามศาลล่าง แต่เห็นว่าไม่ปรากฎว่าคนร้ายมีอาวุธอย่างใดนอกจากไฟฉายสำหรับถือเดินทาง ไฟฉายชนิดถือเดินทางนี้ จะเป็นอาวุธหรือไม่ ย่อมแล้วแต่ลักษณะของวัตถุว่าจะเป็นเครื่องประหารตามความในมาตรา 6 ข้อ 15 แห่งกฎหมายลักษณะอาญาหรือไม่

ไฟฉายที่ผู้ร้ายใช้ในคดีนี้ ไม่ปรากฎว่าใหญ่และยาวสักเท่าใดจะอนุมานเอาว่าเป็นเครื่องประหาร อันสามารถจะใช้กระทำแก่ร่างกายให้แตกหักบุบสลายได้ถึงสาหัสเช่น ตระบองหาได้ไม่

เมื่อไม่ถือว่าไฟฉายที่ผู้ร้ายนำมาใช้นั้นเป็นศาสตราวุธแล้วคดีก็ไม่เป็นปล้นทรัพย์ เป็นผิดเพียงชิงทรัพย์ แม้จำเลยจะเพิ่งโต้แย้งคัดค้านข้อนี้ในชั้นฎีกาก็ดี แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนว่า จำเลยจะมีความผิดดังข้อที่โจทก์กล่าวหาหรือไม่ ถึงจะไม่มีคำโต้แย้งคัดค้าน ศาลก็ย่อมวินิจฉัยได้

จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมีความผิดฐานชิงทรัพย์ตามมาตรา 299 ให้จำคุกจำเลยคนละ 5 ปี

Share