แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยผู้ขาดนัดพิจารณายื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ แต่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องเสียโดยอ้างว่า มิได้บรรยายครบองค์ตาม มาตรา 208 แห่ง ป.ม.วิ.แพ่ง ในวันเดียวกันนั้น จำเลยยื่นคำร้องใหม่ ดังนี้ ศาลต้องไต่สวนและมีคำสั่งไปตามรูปคดี จะถือว่าเป็นเรื่องดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามความหมายแพ่งมาตรา 144 ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยตามหนังสือสัญญากู้
จำเลยปฏิเสธ
จำเลยขาดนัดวันพิจารณา ศาลจึงสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวแล้ว พิพากษาให้จำเลยใช้เงินกู้และดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้อง
หลังจากได้รับคำบังคับแล้ว วันหนึ่งจำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยป่วย ไม่จงใจขาดนัด ขอให้พิจารณาคดีใหม่ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำร้องของจำเลยมิได้บรรยายครบองค์ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๐๘ ให้ยกคำร้อง ในวันเดียวกันนั้น จำเลยยื่นคำร้องใหม่ แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำขอให้พิจารณาใหม่เป็นคำฟ้องอย่างหนึ่งตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๑ (๓) เมื่อศาลสั่งยกคำร้องของจำเลย ซึ่งไม่ครบองค์ตามมาตรา ๒๐๘ แล้ว การที่จำเลยร้องซ้อนเข้ามาใหม่เป็นดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามมาตรา ๑๔๔ ต้องห้าม ให้ยกคำร้องของจำเลยเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำขอให้พิจารณาใหม่นี้ ถือไม่ได้ว่า เป็นคำฟ้องตามมาตรา ๑ (๓) เพราะจำเลยเป็นผู้ร้องไม่ใช่ฝ่ายโจทก์เป็นผู้ร้อง จึงพิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วสั่งใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่เช่นนี้ มีบัญญัติไว้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๐๘ จะร้องขอได้หรือไม่เพียงไร ก็มีหลักเกณฑ์แจ้งชัดอยู่แล้ว การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องครั้งแรกโดยทำนาไม่ถูกต้อง ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องใหม่อีก จึงไม่ใช่เรื่องดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามความหมายแพ่งมาตรา ๑๔๔ ศาลชั้นต้นต้องไต่สวนและมีคำสั่งไปตามรูปคดีดังที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดตัดสินมา จึงให้ยกฎีกาโจทก์ โดยพิพากษายืน