แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้หน้าคำฟ้องในช่องคู่ความใส่เพียงชื่อโจทก์โดยไม่ได้บอกฐานะไว้ แต่ตามคำบรรยายฟ้องกล่าวว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ บ. ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพิพาทดังนี้หาใช่โจทก์ฟ้องในฐานะส่วนตัวไม่
เงินค่าซ่อมแซมห้องที่ผู้เช่าให้ผู้ให้เช่าเพื่อที่จะได้เช่าห้องต่อไปมีลักษณะเป็นเงินกินเปล่า เป็นการเช่าธรรมดามิใช่สัญญาต่างตอบแทนนอกเหนือไปจากสัญญาเช่าธรรมดา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายบุญรอด อติกนิษฐ์จำเลยได้ทำสัญญาเช่าอาคารเลขที่ 71 ตำบลตลาดพลู จังหวัดธนบุรีของนายบุญรอด อติกนิษฐ์ บัดนี้สัญญาเช่าสิ้นสุด โจทก์ให้ทนายมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยออกไป จำเลยไม่ออก ทำให้โจทก์เสียหายเดือนละ 300 บาท ขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากอาคารของโจทก์และให้ใช้ค่าเสียหาย 600 บาทพร้อมทั้งค่าเสียหายเดือนละ 300 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกไป
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายบุญรอด อติกนิษฐ์หรือไม่จำเลยไม่ทราบ และไม่รับรอง โจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่มีอำนาจฟ้อง
ห้องพิพาทนายบุญรอดยกให้ผู้อื่นแล้วโจทก์ไม่ใช่เจ้าของห้องพิพาท โจทก์ไม่ว่าในฐานะใดไม่มีสิทธิฟ้อง
จำเลยเช่าห้องพิพาทจากนายบุญรอด อติกนิษฐ์ ใช้เป็นเคหะอยู่อาศัย ค่าเช่าเดือนละ 70 บาท มีกำหนด 6 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วนายบุญรอด อติกนิษฐ์ ต่อสัญญาเช่าให้จำเลยคราวละ 3 ปี เรื่อยมาเมื่อครบสัญญาเช่าท้ายฟ้อง นายบุญรอด อติกนิษฐ์ ต่อสัญญาเช่าให้อีก3 ปี โดยนายบุญรอดเรียกค่าซ่อมแซมห้องพิพาทจากจำเลย 5,000 บาทและรับจะทำหนังสือสัญญาเช่าให้ แต่ยังไม่ได้ทำหนังสือ นายบุญรอดอติกนิษฐ์ ถึงแก่กรรมเสียก่อน การนี้จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทน การเช่าจึงยังไม่หมดอายุ จำเลยไม่เคยรับหนังสือของทนายโจทก์ ค่าเสียหายเท่ากับอัตราค่าเช่าที่เก็บจากจำเลย จำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาทให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 70 บาท นับแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2511 เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากห้องพิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายบุญรอด อติกนิษฐ์ผู้ตายจึงมีอำนาจจัดการเกี่ยวแก่ห้องพิพาทซึ่งเป็นมรดกของนายบุญรอดอติกนิษฐ์ ได้ตามกฎหมาย โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลย ตามคำบรรยายฟ้องโจทก์กล่าวว่าโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายบุญรอด อติกนิษฐ์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพิพาท หาใช่โจทก์ฟ้องในฐานะส่วนตัวไม่แม้หน้าคำฟ้องจะใส่ชื่อนายสมใจ อติกนิษฐ์ โจทก์โดยไม่ได้บอกฐานะของนายสมใจก็ตาม จะฟังว่าโจทก์ฟ้องในฐานะส่วนตัวหาได้ไม่ ที่จำเลยฎีกาว่าข้อตกลงระหว่างนายบุญรอด อติกนิษฐ์ เจ้าของห้องพิพาทกับจำเลยซึ่งตกลงกันไว้ก่อน นายบุญรอดตาย ว่านายบุญรอดต่อสัญญาเช่าให้จำเลย3 ปี ภายหลังครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาเช่าท้ายฟ้อง โดยนายบุญรอดเรียกเงินค่าซ่อมแซมห้องพิพาทจากจำเลยไปแล้ว 5,000 บาท แล้วนายบุญรอดรับจะทำหนังสือสัญญาเช่าให้โดยเก็บค่าเช่าเรื่อย ๆ เป็นสัญญาต่างตอบแทนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เงิน 5,000 บาท ที่จำเลยให้นายบุญรอดนั้นเป็นเงินที่จำเลยให้เป็นค่าซ่อมแซมห้องพิพาทเพื่อที่จำเลยจะได้เช่าห้องพิพาท มีลักษณะเป็นเงินกินเปล่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการเช่าธรรมดา มิใช่สัญญาต่างตอบแทนนอกเหนือไปจากสัญญาเช่าธรรมดา เมื่อการเช่าไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือจำเลยจึงไม่มีสิทธิจะอยู่ในห้องพิพาท
พิพากษายืน