แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ผู้ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์เสียหาย เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของผู้เอาประกันภัยที่จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ก่อขึ้น จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อวินาศภัยอันจำเลยที่ 1 ซึ่งมิใช่ผู้เอาประกันภัยก่อให้เกิดขึ้น
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 37,150 บาท กับดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ฉ.ช. 5998 โดยประมาทเป็นเหตุให้ชนรถยนต์โดยสารประจำทางของโจทก์เสียหาย จำเลยที่ 2 เป็นบริษัทผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ฉ.ช. 5998 โดยห้างหุ้นส่วนจำกัดเกษรมอเตอร์เป็นผู้เอาประกันภัย และโจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของผู้เอาประกันภัย
ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรคแรกบัญญัติว่า “อันว่าประกันภัยค้ำจุนนั้น คือสัญญาประกันภัยซึ่งผู้รับประกันภัยตกลงว่าจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย เพื่อความวินาศภัยอันเกิดขึ้นแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง และซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ” ตามบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบ เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของห้างหุ้นส่วนจำกัดเกษรมอเตอร์ผู้เอาประกันภัยห้างหุ้นส่วนจำกัดเกษรมอเตอร์จึงไม่จำต้องรับผิดชอบในความเสียหายซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ก่อขึ้น ดังนั้นจำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยก็ไม่จำต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อวินาศภัยอันจำเลยที่ 1 ซึ่งมิใช่ผู้เอาประกันภัยก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์แต่อย่างใด”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2 ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนจำเลยที่ 2 โดยกำหนดค่าทนายความให้รวม 3,000 บาท