คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีพิพาทกันเรื่องซื้อขายที่ดิน โจทก์บรรยายฟ้องระบุเนื้อที่อาณาเขตกว้างยาวไว้ชัดเจน แต่ลงเลขโฉนดผิดโดยเข้าใจผิด ต่อมาโจทก์จึงขอแก้เลขที่โฉนดใหม่ ดังนี้เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อย ที่ดินที่พิพาทไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วย จึงมิใช่เป็นการฟ้องใหม่หรือตั้งประเด็นใหม่
โจทก์เพิ่งทราบข้อผิดพลาดนี้ในวันชี้สองสถาน จึงขอแก้ฟ้องได้หลังจากวันชี้สองสถาน
สัญญาซื้อขายที่ดินที่ระบุเลขโฉนดและเนื้อที่ดิน พร้อมทั้งลักษณะเขตที่ที่จะแบ่งขายไว้ด้วย แต่ปรากฏว่าโฉนดเลขที่นั้นมีเนื้อที่ไม่ตรงกับในสัญญา สัญญานั้นจึงมีข้อความกำกวมไม่ชัดเจนโจทก์ย่อมนำสืบพยานบุคคล เพื่อแสดงถึงเจตนาอันแท้จริงได้ เป็นการนำสืบเพื่อแปลความหมายของเอกสาร ไม่ใช่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงจะแบ่งขายนาโฉนดที่ 1561 อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ 40 ไร่ ให้โจทก์เป็นเนื้อที่ 30 ไร่ นับแต่ชายไผ่ด้านเหนือกว้าง 1 เส้น ยาวไปทางทิศใต้ 30 เส้นเป็นเงิน 25,000 บาท จำเลยได้รับมัดจำไปจากโจทก์ 6,000 บาทแล้วสัญญาจะโอนกรรมสิทธิ์กันภายในวันที่ 31 มีนาคม 2494 จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา จึงขอให้บังคับ

จำเลยต่อสู้ว่า ทำสัญญาไปโดยสำคัญผิด ความจริงจำเลยตกลงกู้เงินโจทก์ 6,000 บาท เอาโฉนดที่ 1561 เป็นประกัน จำเลยพิมพ์ลายมือโดยผู้เขียนไม่ได้อ่านข้อความให้ฟัง เมื่อทราบว่าเป็นสัญญามัดจำจึงบอกเลิกสัญญาและคืนมัดจำ แต่โจทก์ไม่รับ

ในวันชี้สองสถาน จำเลยนำโฉนดเลขที่ 1516 มาให้โจทก์ดูและแถลงว่ายินดีจะขายที่ตามโฉนดนี้ให้ตามสัญญา โจทก์ดูแล้วไม่ตกลงซื้อเพราะที่ดินในโฉนดนี้มีเพียง 28 ไร่เศษเท่านั้นโจทก์เพิ่งทราบว่าเจตนาของโจทก์มิใช่ตกลงซื้อที่ดินตามโฉนดนี้ จำเลยมีที่ดินอีกแห่งหนึ่ง เนื้อที่ 40 ไร่ โจทก์จะขอแก้ฟ้องต่อไป ต่อมาโจทก์ได้ขอแก้ฟ้องว่าที่ดินที่ตกลงซื้อคือโฉนดเลขที่ 1563 จำเลยคัดค้านที่โจทก์ขอแก้ฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้แก้ จำเลยให้การแก้ฟ้องเพิ่มเติมว่า ไม่เคยขายที่ดินโฉนดเลขที่ 1563 ให้โจทก์ คำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์ ไม่บรรยายเหตุที่ลงเป็นโฉนดเลขที่ 1561 จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม เป็นการฟ้องใหม่ประเด็นใหม่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ให้จำเลยคืนเงินมัดจำ

โจทก์จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยขายที่ดินให้ตามที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า

(1) ที่จำเลยฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์แก้เลขที่โฉนดมาใหม่เท่ากับเป็นการยื่นฟ้องใหม่ ตั้งประเด็นใหม่และการฟ้องเพิ่มเติมนี้ อาจขอแก้ได้ก่อนวันชี้สองสถานนั้น เห็นว่าเป็นเพียงขอแก้ข้อผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อยเกี่ยวกับเลขที่โฉนดเท่านั้นเพราะฟ้องโจทก์บรรยายเนื้อที่กว้างยาวชัดเจนแล้ว การแก้ไม่เปลี่ยนแปลงถึงที่ดินตามฟ้องเดิม การขอแก้ก็ปรากฏว่าโจทก์เพิ่งทราบความผิดพลาดผิดหลงในวันชี้สองสถานนั้นเอง จึงไม่มีเหตุอะไรที่จะไม่อนุญาต

(2) ที่ว่าฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์ขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 นั้น เห็นว่าโจทก์ระบุเหตุชัดแจ้งเพียงพอแล้วทั้งฟ้องเดิมของโจทก์ก็สมบูรณ์ เพียงแก้เลขที่โฉนดให้ถูกต้องหาทำให้ฟ้องกลายเป็นไม่ถูกต้องไปได้ไม่

(3) ที่ว่าสัญญาจะซื้อขายระบุว่าที่ดินโฉนดที่ 1516 แต่โจทก์สืบว่าตกลงซื้อโฉนดที่ 1563 เป็นการนำสืบแก้ไขเอกสารนั้นเห็นว่าในสัญญาระบุอาณาเขตกว้างยาวและเนื้อที่ไว้ด้วย แสดงให้เห็นเจตนาของผู้ซื้อมุ่งถึงที่ดินเนื้อที่ 40 ไร่ หาใช่มุ่งถึงที่ดินโฉนดเลขที่ 1516 เท่านั้นไม่ เมื่อปรากฏว่าเลขที่โฉนดและเนื้อที่ไม่ตรงกัน ข้อความในสัญญา จึงกำกวมไม่ชัดเจน โจทก์จึงนำสืบถึงเจตนาที่แท้จริงเพื่อแปลความหมายของเอกสารนั้นได้

ส่วนฎีกาข้อเท็จจริงอื่น ๆ นั้นเห็นว่าฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน

Share