แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 เป็นบริษัทจำกัดเป็นเจ้าของทรัพย์สินซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่ผู้ร้องและผู้ร้องร่วมเป็นเพียงผู้ถือหุ้นและกรรมการของจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆ แทนจำเลยที่ 1 ทั้งผู้ร้องและผู้ร่วมไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ ผู้ร้องและผู้ร้องร่วมมิใช่เป็นบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี จึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 13,433,843.09 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 9,558,664.94 บาท โดยให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 9,420,447.59 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 6,630787.27 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป กำหนดชำระเสร็จภายใน 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ หากผิดนัดให้ยึดทรัพย์จำนองและทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลไม่สั่งคืนกับทนายความจำนวน 10,000 บาท แต่จำเลยทั้งสี่ไม่ชำระ โจทก์ขอให้บังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 1 จำนวน 3 แปลง ออกขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2544 ในราคา 6,030,000 บาท
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ในราคาต่ำเกินสมควร เป็นการคบคิดกันฉ้อฉลในระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในการสู้ราคา หรือความไม่สุจริต หรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดี ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
โจทก์ จำเลยที่ 2 ที่ 4 และผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ระหว่างไต่สวน ผู้ร้องร่วมทั้งสองยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นผู้ร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องร่วมทั้งสองเป็นเพียงกรรมการของจำเลยที่ 1 แต่มิได้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ส่วนผู้ร้องร่วมที่ 2 แม้จะเป็นกรรมการผู้มีอำนาจแต่ก็มีเพียงคนเดียว ไม่มีอำนาจทำแทนจำเลยที่ 1 ได้ จึงถือว่าไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า สำหรับผู้ร้องนั้นคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นเพียงกรรมการของจำเลยที่ 1 แต่มิได้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 จึงถือไม่ได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับที่จะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้ร้องและผู้ร้องร่วมทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องและผู้ร้องร่วมทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีฟังได้ว่า ผู้ร้องและผู้ร้องร่วมทั้งสองเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 1 โดยผู้ร้องร่วมที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันจำเลยที่ 1 ได้ แต่ต้องลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันจำเลยที่ 1 คนอื่นอีกสองคน และประทับตราของบริษัท มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องและผู้ร้องร่วมทั้งสองเพียงว่า ผู้ร้องและผู้ร้องร่วมทั้งสองเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีหรือไม่ เห็นว่า บุคคลที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง ได้จะต้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ในคดีนี้บุคคลที่จะได้รับความเสียหายจากการขายทอดตลาดทรัพย์สินก็คือจำเลยที่ 1 เจ้าของทรัพย์สินซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่ผู้ร้องและผู้ร้องร่วมทั้งสองเป็นเพียงผู้ถือหุ้นและกรรกมารของจำเลยที่ 1 ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ร้องและผู้ร้องร่วมทั้งสองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องและผู้ร้องร่วมทั้งสองเป็นบุคคลผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี ผู้ร้องและผู้ร้องร่วมทั้งสองจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอกตลาด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของผู้ร้องและผู้ร้องร่วมทั้งสองชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องและผู้ร้องร่วมทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ