คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1299/2547

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การขอให้ศาลนับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่น โจทก์จะต้องขอมาในคำขอท้ายฟ้องด้วย ถ้าจะขอภายหลังก็ต้องดำเนินการยื่นคำร้องขอก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคหนึ่ง โจทก์จะเพียงแต่ขอมาในคำแก้ฎีกาหาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2546 เวลากลางวันจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 4 เม็ด น้ำหนัก 0.360 กรัม ให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อในราคา 400 บาท และเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2546 เวลากลางวันจำเลยเสพเมทแอมเฟตามีน อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม, 57, 66 วรรคหนึ่ง, 91 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก 4 ปี และปรับ80,000 บาท ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท รวมจำคุก4 ปี 6 เดือน และปรับ 90,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 3 เดือน และปรับ 45,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีโดยกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติของจำเลย โดยห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษหรือสารระเหยทุกชนิด ห้ามคบหาสมาคมกับบุคคลซึ่งเสพยาเสพติดให้โทษหรือสารระเหย หรือประพฤติตนอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดในทำนองเดียวกันอีก ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ ณ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อให้พนักงานคุมประพฤติช่วยเหลือตักเตือน แนะนำเกี่ยวกับความประพฤติและการประกอบอาชีพทุกระยะ 3 เดือน มีกำหนด 1 ปี ทุกครั้งที่จำเลยไปรายงานตัวให้พนักงานคุมประพฤติตรวจร่างกายจำเลยเพื่อหาสารเสพติด ถ้าพบให้รายงานศาล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง ให้ลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ ไม่ลงโทษปรับและไม่คุมความประพฤติ เพิกถอนคำสั่งริบของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “อนึ่ง ที่โจทก์ยื่นคำแก้ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 716/2546 ของศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่า การขอให้ศาลนับโทษจำเลยต่อจากคดีเรื่องอื่นนั้น โจทก์จะต้องขอมาในคำขอท้ายฟ้องด้วยถ้าจะขอภายหลังก็ต้องดำเนินการยื่นคำร้องขอก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคหนึ่ง โจทก์จะเพียงแต่ขอมาในคำแก้ฎีกาหาได้ไม่ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”

พิพากษายืน

Share