คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายถูกแทงด้วยมีดปลายแหลมที่ต้นแขนซ้ายเป็นบาดแผลขนาด 2.5 เซนติเมตร ทะลุไปอีกด้านหนึ่ง หลังเกิดเหตุประมาณ 7วัน ผู้เสียหายไปหาแพทย์เพื่อตัดไหม แพทย์บอกว่าบาดแผลเป็นปกติ และผู้เสียหายก็ไปเรียนหนังสือกับทำกิจการงานต่าง ๆได้ แม้ปรากฏว่าผู้เสียหายเป็นนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา ต้องเรียนภาคปฏิบัติคือการเล่นกีฬาที่ต้องใช้แขนและหลังเกิดเหตุแล้ว 1 เดือน ผู้เสียหายไม่อาจเล่นกีฬาได้มากเท่าบุคคลปกติเพราะยังรู้สึกเสียวที่แขน ก็เป็นเพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายขาดความสะดวกในการใช้แขนลดน้อยลงเท่านั้น หาทำให้ผู้เสียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เสียเลยทีเดียวไม่จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (8).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงนายวัฒนเกียรติผู้เสียหาย ถูกที่ต้นแขนซ้ายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗
จำเลยให้การว่า ได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจริง แต่บาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับไม่ถึงบาดเจ็บสาหัส
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗ ลดโทษแล้วคงจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้เสียหายไม่ได้รับอันตรายสาหัสตามที่โจทก์ฟ้อง พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ลดโทษแล้วคงจำคุก ๑ ปี ปรับ ๑,๐๐๐ บาท โทษจำคุกรอ ๓ ปี ฯลฯ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗(๘) หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้เสียหายเป็นนักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ต้องเรียนภาคปฏิบัติคือ การเล่นกีฬาซึ่งจะต้องใช้แขน โจทก์ฎีกาว่าหลังเกิดเหตุประมาณ ๑ เดือน ผู้เสียหายยังรู้สึกปวดและเสียวที่แขน ไม่สามารถเรียนวิชาพลศึกษาได้ตามปกติ ถือได้ว่าผู้เสียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกิน ๒๐ วันแล้วเห็นว่าจากรายงานการชันสูตรบาดแผลของผู้เสียหาย เอกสารหมายจ.๑ ปรากฏว่าผู้เสียหายมีบาดแผลถูกของมีคมที่ต้นแขนซ้ายขนาด ๒.๕ เซนติเมตร ทะลุไปอีกด้านหนึ่ง หากไม่มีเหตุแทรกซ้อนจะหายเป็นปกติใน ๑๐ วันซึ่งนายแพทย์สมชายผู้รักษาบาดแผลก็ได้มาเบิกความว่า หลังเกิดเหตุ ๑ วันได้ตรวจบาดแผลผู้เสียหายปรากฏว่าไม่มีเหตุแทรกซ้อน และผู้เสียหายยังเบิกความอีกว่า หลังเกิดเหตุประมาณ ๗ วัน ผู้เสียหายไปหาแพทย์เพื่อตัดไหมแพทย์บอกว่าบาดแผลหายเป็นปกติ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บาดแผลดังกล่าวหายเป็นปกติใน ๑๐ วัน หลังจากที่บาดแผลหายแล้วนายสันติพงษ์พยานโจทก์ซึ่งเป็นเพื่อนผู้เสียหายและเป็นนักศึกษาร่วมชั้นเดียวกันเบิกความว่า เมื่อรักษาแผลหายแล้วผู้เสียหายก็ไปเรียนได้ตามปกติ แสดงว่าในระยะเวลาดังกล่าวผู้เสียหายสามารถกระทำกิจการงานต่าง ๆ ได้เป็นปกติ ที่โจทก์ฎีกาว่า หลังเกิดเหตุ ๑ เดือนผู้เสียหายไม่อาจเล่นกีฬาได้ตามปกติ เพราะยังรู้สึกเสียวที่แขนนั้น ก็ได้ความจากคำเบิกความของนายแพทย์สมชายว่า เมื่อบาดแผลหายใหม่ ๆกล้ามเนื้อจะออกกำลังได้ แต่ไม่มากเท่าบุคคลปกติ ซึ่งผู้เสียหายก็เบิกความว่ายังสามารถเล่นกีฬาได้ ดังนั้นแม้ผู้เสียหายจะใช้แขนได้ไม่เป็นปกติ ก็เพียงแต่ทำให้ผู้เสียหายขาดความสะดวกในการใช้แขนลดน้อยลงเท่านั้นหาทำให้ผู้เสียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เสียเลยทีเดียวไม่ พยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวมายังรับฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกิน ๒๐ วัน ตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ (๘) การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ เท่านั้น
พิพากษายืน.

Share