แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีก่อนจำเลยที่ 1 ฟ้องสิบตำรวจโท ส. กับโจทก์ให้ชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากรถที่จำเลยที่ 1 ขับชนกับรถของโจทก์ ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยในข้อที่โจทก์ยกขึ้นอ้างในคดีนั้นว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อ ขณะคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ได้ฟ้องคดีนี้เรียกค่าเสียหายอันเกิดจากรถชนกันในกรณีรายเดียวกันนี้ ประเด็นแห่งคดีทั้งสองคดีจึงมีประเด็นอย่างเดียวกันว่า เหตุที่รถชนกันนั้นเป็นความผิดของฝ่ายใด ฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงต้องห้ามมิให้ดำเนิน กระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์ จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 4 ขับรถจักรยานยนต์ที่ผู้มีชื่อจ้างให้จำเลยที่ 4 ซ่อมเพื่อทดลองตรวจสภาพรถจักยานยนต์และเครื่องยนต์อันเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 4 โดยประมาทเลินเล่อชนรถจิ๊ปของโจทก์ตกลงไปในคูข้างถนน ได้รับความเสียหายจึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสี่ให้การต่อสู้คดีในเรื่องการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1หลายประการและว่ามูลคดีในความผิดเรื่องนี้จำเลยที่ 1 เคยฟ้องโจทก์กับพวกต่อศาลจังหวัดสตูลมาครั้งหนึ่ง ศาลจังหวัดสตูลพิพากษาชี้ขาดในประเด็นเดียวกับที่โจทก์ฟ้องนี้ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ปรากฏตามสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ 70/2520 ของศาลจังหวัดสตูล โจทก์มาฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องซ้ำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 70/2520 ศาลกำหนดประเด็นว่าโจทก์คดีนี้ซึ่งเป็นจำเลย
ในคดีดังกล่าวประมาทหรือไม่ ส่วนคดีนี้ศาลกำหนดประเด็นว่าจำเลยที่ 1ประมาทหรือไม่เป็นคนละประเด็นและคนละคดีกันจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 70/2520 ที่นายไดเฮง แซ่หุ่นโดยนายซังบ๊ก แซ่หุ่น บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นโจทก์ฟ้องสิบตำรวจโทสมใจ ผลทวี และกรมตำรวจเป็นจำเลย กับฟ้องของกรมตำรวจที่เป็นโจทก์ฟ้องนายไดเฮง แซ่หุ่นเป็นจำเลยที่ 1 คดีนี้ ต่างฟ้องร้องว่ากล่าวให้อีกฝ่ายหนึ่งรับผิดใช้ค่าเสียหายในเรื่องรถของโจทก์ จำเลย ชนกันในกรณีรายเดียวกันนั้นเอง ซึ่งประเด็นแห่งคดีทั้งสองคดีมีอยู่ว่า เหตุที่รถชนกันนั้นเป็นความผิดของฝ่ายใด คดีทั้งสองคดีมีประเด็นอย่างเดียวกันฉะนั้นเมื่อคดีที่โจทก์ฟ้องนี้มีประเด็นอย่างเดียวกับคดีที่จำเลยที่ 1 เคยฟ้องโจทก์และศาลได้พิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยในข้อที่โจทก์ยกขึ้นอ้างในคดีนั้นว่า จำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อ ฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงต้องห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่อีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 การห้ามดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาควาแพ่ง มาตรา 144 มิได้มีแต่เฉพาะการดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีเดิมแต่อย่างเดียว การที่คู่กรณีนำคดีมาฟ้องเป็นคดีใหม่ในมูลคดีเดียวกันและมีประเด็นอย่างเดียวกันกับที่ศาลได้เคยวินิจฉัยไว้ในคดีก่อน โดยคดีก่อนยังไม่ถึงที่สุด อย่างเช่นกรณีคดีนี้ก็เป็นเรื่องการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 เช่นกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน