แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
รถแทรกเตอร์และสินค้าเครื่องอะไหล่ที่โจทก์สั่งจากต่างประเทศเข้ามารจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็นเครื่องจักร ส่วนประกอบ และอุปกรณ์เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตาหรรมหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจะต้องพิจารณาจากสภาพของวัตถุสินค้านั้น ๆ ตลอดจนข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์สั่งรถแทรกเตอร์และสินค้านั้นมาจำหน่ายให้แก่ผู้ใด และผู้ซื้อซื้อไปใช้ในกิจการอย่างใด
รถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเหมาะสมแก่งานไร่นาขนาดย่อม ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการทำไร่ไถนา มีที่นั่ง
เดียวสำหรับผู้ขับ ไม่มีสภาพเป็นยานพาหนะ โจทก์สั่งมาจำหน่ายแก่ชาวไร่และเคยขายให้แก่ทางราชการนำไปใช้ในการทำไร่ แสดงว่าเป็นเครื่องจักรที่ผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการเกษตรโดยแท้ แต่เพื่อใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง จึงอาจเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ได้ตามความต้องการเช่น จานไถ เครื่องคราดนา หากจะมีผู้นำรถแทรกเตอร์นี้ไปดัดแปลงใช้ในกิจการอื่นบ้าน ก็หาทำให้เปลี่ยนสภาพจากเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรเป็นอื่นไม่ได้ จึงได้รับการลดอัตรารัษฎากรโดยเสียภาษีการค้าในอัตราเพียงร้อยละ 3 ของรายรับ
่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมที่โจทก์สั่งเข้ามาสำรองไว้เพื่อจำหน่ายแก่ผู้ซื้อเครื่องจักรของโจทก์ไปใช้ในกรณีที่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ซึ่งใช้อยู่เดิมสึกหรอหรือชำรุดเสียหาย อยู่ในข่ายที่จะได้ลดอัตรารัษฎากรเช่นเดียวกับตัวเครื่องจักร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้สั่งรถแทรกเตอร์รวมทั้งส่วนประกอบและอุปกรณ์ใช้ในการเกษตร กับส่วนนนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและอุตสาหกรรมเข้ามาจำหน่าย เดิมต้องเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ ๕ ของรายรับ ต่อมามีพระราชบัญญัติฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นและลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๕ ให้ลดอัตราภาษีการค้าลงเหลือร้อยละ ๓ ซึ่งโจทก์ได้เสียในอัตรานี้ไปแล้ว ต่อมาเจ้าพนักงานประเมินภาษีการค้ากลับแจ้งประเมินให้โจทก์เสียภาษีเพิ่มเบี้ยปรับและเงินเพิ่มอีก ๑,๕๑๙,๑๓๓.๒๑ บาท โจทก์อุทธรณ์ จำเลยที่ ๒,๓,๔ ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นชอบด้วยการประเมิน แต่ให้ยกเบี้ยปรับโจทก์ได้เสียภาษีการค้าและเงินเพิ่มรวม ๙๐๒,๒๕๒.๓๒ บาท ตามคำวินิจฉัยให้จำเลยแล้ว ขอให้พิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามที่เรียกร้อง และให้จำเลยคืนเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันชำระ
จำเลยต่อสู้ว่า เจ้าพนักงานประเมินประเมินภาษีถูกต้องแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
คู่ความรับฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า รถแทรกเตอร์ที่โจทก์ต้องเสียภาษีตามที่พิพาทกัน มีรูปลักษณะตามเอกสาร จ.๑ ถึง จ.๕ และรายการสินค้าต่าง ๆ ที่โจทก์ยื่นประเมินในการเสียภาษี ปรากฏในเอกสาร จ.๖ นอกจากเครื่องคำนวณ เครื่องทำบัญชี และเครื่องบวกเลขซึ่งได้เสียภาษีถูกต้องแล้วไม่เกี่ยวกับคดีนี้
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎาการว่าด้วยการยกเว้นและลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ๑๕) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๕ บัญญัติว่า “ให้ลดอัตราภาษีการค้าตามประเภทการค้า ๑ แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้าซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญํติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๑๘) พ.ศ. ๒๕๐๔ คงจัดเก็บตามชนิดและอัตราดังต่อไปนี้
(๑) ชนิด ๑ (ก) เฉพาะแหและอวนใช้ในการประชุมเครื่องจักรส่วนประกอบและอุปการณ์เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมที่ผู้นำเข้ามิได้นำเข้ามาเพื่อใช้ในการผลิตของตนเองร้อยละ ๓ ของรายรับ
(๒) ฯลฯ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า รถแทรกเตอร์และสินค้าต่างๆ ตามบัญชีหมาย จ.๖ ซึ่งโจทก์สั่งเข้ามาจากต่างประเทศมาจำหน่าย (เว้นแต่เครื่องคิดเลข เครื่องคำนวณ เครื่องทำบัญชี) เป็นเครื่องจักร ส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและการอุตสหกรรมหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งจะต้องพิจารณาจากสภาพของวัตถุสินค้านั้น ๆ ตลอดจนข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์สั่งรถแทรกเตอร์และสินค้าดังกล่าวมาจำหน่ายให้แก่ผู้ใด และผู้ซื้อซื้อไปใช้ในกิจการอย่างใด โจทก์จำเลยรับกันว่ารถแทรกเตอร์ที่โต้เถียงกัน มีรูปร่างและลักษณะตามเอกสาร จ.๑ ถึง จ.๕ ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้วตามภาพ จ.๑ แสดงให้เห็นว่าเป็นรถแทรกเตอร์ขนาดเล็กเหมาะสมแก่งานไร่นาขนาดย่อม ภาพ จ.๓ แสดงการใช้รถแทรกเตอร์ไถนา รถแทรกเตอร์นี้ไม่มีสภาพเป็นยานพาหนะ เพราะมีที่นั่งเดียวสำหรับผู้ขับขี่เท่านั้น นอกจากนี้พยานโจทก์ยังเบิกความว่า รถแทรกเตอร์ที่โจทก์สั่งเข้ามานี้จำหน่ายให้แก่ชาวไร่และเคยขายให้ทางราชการ ซึ่งก็นำไปใช้ในการทำไร่ ศาลฎีกาเห็นว่าภาพตามเอกสาร จ.๑ จ.๒ และ จ.๕ แสดงให้เห็นการทำงานของรถแทรกเตอร์ในไร่นาอันเป็นเรื่องของการเกษตรทั้งสิ้น แสดงว่าเป็นเครื่องจักรผลิตขึ้นสำหรับใช้ในการเกษตรโดยแท้
แต่เพื่อใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง จึงอาจเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้ได้ตามความต้องการ เช่น จานไถและเครื่องคราดนา หากจะมีผู้นำรถแทรกเตอร์นี้ไปดัดแปลงใช้ในกิจการอื่นบ้าง ก็หาทำให้รถแทรกเตอร์นี้เปลี่ยนสภาพจากเครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรเป็นอื่นไปได้ไม่
ปัญหาที่ว่าสินค้าเครื่องอะไหล่ต่าง ๆ ตามบัญชีหมาย จ.๖ เป็น “ส่วนประกอบและอุปกรณ์” เครื่องจักรใช้ในการเกษตรและอุตสาหกรรมหรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชกฤษฎีกาที่อ้างข้างต้นมาตรา ๕ มีวัตถุประสงค์จะลดอัตรารัษฎากรให้แก่การขายสินค้าซึ่งเป็น “เครื่องจักร” ใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมอย่างหนึ่ง และ “ส่วนประกอบและอุปกรณ์” ของเครื่องจักรซึ่งใช้การเกษตรและการอุตสาหกรรมอีกอย่างหนึ่ง
ศาลฎีกาฟังว่า สินค้า “เครื่องอะไหล่” ตามบัญชีหมาย จ.๖ เป็น “ส่วนประกอบหรืออุปกรณ์” เครื่องจักรที่ใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมซึ่งโจทก์สั่งเข้ามาสำรองไว้เพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ซื้อเครื่องจักรของโจทก์ให้ไปใช้ในกรณีที่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ซึ่งใช้อยู่เดิมสึกหรอหรือชำรุดเสียหาย จึงอยู่ในข่ายที่จะได้ลดอัตรารัษฎากรเช่นเดียวกับตัวเครื่องจักร หากจะลดภาษีให้เฉพาะ “ส่วนประกอบและอุปกรณ์” ซึ่งติดมาพร้อมกับตัวเครื่องจักรดังพยานจำเลยว่า ก็ไม่จำเป็นที่กฎหมายจะต้องเขียนว่า “เครื่องจักร ส่วนประกอบ และอุปกรณ์เครื่องจักร” เขียนว่า “เครื่องจักร” ใช้ในการเกษตรและการอุตสาหกรรมคำเดียวก็พอ เพราะส่วนประกอบและอุปกรณ์ ซึ่งติดมาพร้อมกับตัวเครื่องจักร เช่นล้อรถแทรกเตอร์หรือนมหนูก็ต้องถือว่าเป็น “ตัวเครื่องจักร” ซึ่งได้รับการลดอัตราภาษีในตัวอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเขียนแยกไว้ต่างหาก ฯลฯ
พิพากษากลับให้จำเลยร่วมกันคืนเงินภาษีตามที่โจทก์ฟ้องให้แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันโจทก์ฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ