คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12941/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้การบังคับคดีนั้นได้สำเร็จบริบูรณ์แล้วก่อนวันที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดก็ตาม แต่เนื่องจากผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องอยู่ในฐานะผู้รับจำนองได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 17767 และ 16632 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยในคดีระหว่างโจทก์กับจำเลย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 ซึ่งถือได้ว่าเป็นคำฟ้องบังคับจำนอง แต่จำเลยคัดค้าน ระหว่างการพิจารณาว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำนองทรัพย์สินดังกล่าวหรือไม่ ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด คดีระหว่างผู้ร้องกับจำเลยดังกล่าวในชั้นบังคับคดีจึงมีกรณีพิพาทว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยหรือไม่ ถือเป็นคดีแพ่งอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลในขณะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 25 ที่กำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแพ่งทั้งปวงอันเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลขณะที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ประกอบกับจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามมาตรา 22 (1) เมื่อต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยมีคำขอให้จำหน่ายคดี โดยให้ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลย่อมมีอำนาจงดการพิจารณาคดีแพ่งนั้นไว้ หรือจะสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรก็ได้ตามที่มาตรา 25 ตอนท้าย บัญญัติไว้ การที่ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเพื่อให้ผู้ร้องไปดำเนินการทั้งหลายต่อในคดีล้มละลายเพื่อประโยชน์ในการจัดกิจการและทรัพย์สินของจำเลย ผู้ร้องไม่เสียสิทธิในการได้รับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกัน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากวันที่ 3 มิถุนายน 2551 โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 16632 และ 17767 ตำบลบางพลัด (บางพลู) อำเภอบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ของจำเลยออกขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้สามัญรายอื่น หากโจทก์ถอนการยึดหรือการบังคับคดี ขอให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิการบังคับคดีแทน
โจทก์ไม่คัดค้าน
จำเลยยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ทนายจำเลยแถลงว่าจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มาสอบถามเกี่ยวกับการดำเนินคดี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงขอให้จำหน่ายคดีเพื่อให้ผู้ร้องยื่นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป
ศาลชั้นต้น เห็นว่า จำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว อำนาจจัดการทรัพย์สินของจำเลยตกอยู่แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 ซึ่งรวมทั้งการเข้าว่าคดีแพ่งที่ค้างพิจารณาคดีอยู่ในศาลแทนจำเลยอันเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะเข้าว่าคดีแทนหรือไม่ เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่เข้าว่าคดีแทนจำเลย โดยขอให้จำหน่ายคดีเพื่อให้ผู้ร้องไปขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายจึงให้จำหน่ายคดีของผู้ร้อง และคดีนี้ผู้ร้องได้สืบพยานไปบ้างแล้ว จึงให้คืนค่าขึ้นศาลให้ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง 100,000 บาท
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คืนค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นให้แก่ผู้ร้องทั้งหมดนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องมีว่าที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งจำหน่ายคดีชอบหรือไม่ ที่ผู้ร้องฎีกาโต้แย้งว่า การบังคับคดีแพ่งกับที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทในคดีนี้ได้สำเร็จบริบูรณ์แล้วก่อนวันที่ศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เนื่องจากวันที่ 8 กรกฎาคม 2553 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวโดยปลอดจำนองแล้ว วันที่ 16 ธันวาคม 2553 ศาลล้มละลายกลางจึงมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด อำนาจในการจัดการที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว จึงไม่ตกแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น ปัญหานี้ พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 110 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “คำสั่งของศาลที่ให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้ชั่วคราวหรือหมายบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้นั้น จะใช้ยันแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ไม่ได้ เว้นแต่การบังคับคดีนั้นได้สำเร็จบริบูรณ์แล้วก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์” วรรคสองบัญญัติว่า “การบังคับคดีนั้น ให้ถือว่าได้สำเร็จบริบูรณ์เมื่อพ้นกำหนดเวลาที่อนุญาตให้เจ้าหนี้อื่นยื่นคำขอเฉลี่ยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง” และวรรคสามบัญญัติว่า “บทบัญญัติในมาตรานี้ไม่กระทบถึงสิทธิของเจ้าหนี้มีประกันในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน หรือถึงการที่ผู้ใดได้ชำระเงินโดยสุจริตแก่ศาล หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งศาล หรือถึงความสมบูรณ์แห่งการซื้อโดยสุจริตในการขายทอดตลาดทรัพย์สินตามคำสั่งศาล” เห็นว่า แม้การบังคับคดีนั้นได้สำเร็จบริบูรณ์แล้วก่อนวันที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก็ตาม แต่เนื่องจากผู้ร้องอ้างว่าผู้ร้องอยู่ในฐานะผู้รับจำนองได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 17767 และ 16632 พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 1875/238 ของจำเลย ในคดีระหว่างโจทก์กับจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 ซึ่งถือได้ว่าเป็นคำฟ้องบังคับจำนองจำเลยแต่จำเลยคัดค้านว่าผู้ร้องไม่ใช่เจ้าหนี้จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวของจำเลยในระหว่างการพิจารณาว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำนองทรัพย์สินดังกล่าวหรือไม่ ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด คดีระหว่างผู้ร้องกับจำเลยดังกล่าวในชั้นบังคับคดี จึงมีกรณีพิพาทว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวของจำเลยหรือไม่ ถือเป็นคดีแพ่งอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลในขณะที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 25 ที่กำหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแพ่งทั้งปวงอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งค้างพิจาณาอยู่ในศาลในขณะที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ประกอบกับจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 22 (1) เมื่อต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยมีคำขอให้จำหน่ายคดีจำเลยนี้ โดยให้ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลย่อมมีอำนาจงดการพิจารณาคดีแพ่งนั้นไว้ หรือจะสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรก็ได้ตามที่มาตรา 25 ตอนท้ายบัญญัติไว้หากผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในทางจำนองหรือเป็นเจ้าหนี้มีประกันผู้ร้องย่อมมีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันซึ่งลูกหนี้ได้ให้ไว้ก่อนถูกพิทักษ์ทรัพย์ โดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 95 หรือผู้ร้องอาจขอรับชำระหนี้ภายในเงื่อนไขตามมาตรา 96 ก็ได้ อีกทั้งคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่กระทบถึงสิทธิของเจ้าหนี้มีประกันในการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันตามมาตรา 110 วรรคท้าย ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้อง เพื่อให้ผู้ร้องไปดำเนินการทั้งหลายต่อในคดีล้มละลายเพื่อประโยชน์ในการจัดกิจการและทรัพย์สินของจำเลย แม้จะทำให้ผู้ร้องต้องเสียเวลาไปบ้าง แต่ไม่ทำให้จำนองระงับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 744 และผู้ร้องไม่เสียสิทธิในการได้รับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกัน เมื่อวินิจฉัยเช่นนี้แล้ว ที่ผู้ร้องฎีกาโต้แย้งต่อมาว่า หากศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองของผู้ร้อง เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวในคดีนี้ ย่อมตกแก่โจทก์ในคดีนี้เพียงผู้เดียว โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ต้องโอนเงินเข้าไปในคดีล้มละลาย เพราะการบังคับคดีสำเร็จบริบูรณ์แล้วก่อนวันที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด หรือผู้ร้องไม่สามารถบังคับชำระหนี้จากทรัพย์จำนองได้เนื่องจากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดโดยปลอดจำนองไปแล้วก่อนที่ศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด หากให้ผู้ร้องนำภาระหนี้จำนองในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไปยื่นขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายอย่างเจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 96 ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายหลังจากการบังคับคดีแพ่งสำเร็จบริบูรณ์ไปแล้วก่อนที่ศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด ผู้ร้องจะไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกัน เนื่องจากทรัพย์หลักประกันถูกขายโดยปลอดจำนองไปแล้วผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 96 และทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำนองไม่สามารถบังคับชำระหนี้เอากับทรัพย์จำนองได้นั้น ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนไป ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น

Share