คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อตึกแถวซึ่งเป็นวัตถุแห่งการเช่าซึ่งโจทก์เช่าจากจำเลยถูกเพลิงไหม้หมดสิ้นสัญญาเช่าก็ย่อมระงับไป
เมื่อการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ไม่ได้ลูกหนี้ก็หามีสิทธิรับชำระหนี้ตอบแทนไม่
เมื่อจำเลยผู้ให้เช่าให้การต่อสู้คดีไว้อีกว่าหลังจากเกิดเพลิงไหม้ตึกแถวแล้วโจทก์ได้ให้จำเลยโอนสิทธิการครอบครองพื้นที่จัดสร้างอาคารในบริเวณตลาดชั่วคราวของจำเลยให้โจทก์เป็นผู้ใช้ประโยชน์เป็นการชดเชยตึกแถวที่เช่าช่วงที่ถูกเพลิงไหม้ จำเลยก็ยอมตามที่โจทก์เรียกร้อง โจทก์ได้ครอบครองที่ดินใช้ประโยชน์ปลูกสร้างตลาดชั่วคราว จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินค่าเช่าคืนหรือค่าเสียหายใดๆจากจำเลยได้ เป็นประเด็นอีกประเด็นหนึ่ง จึงจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป
เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาจะรับฟังมาวินิจฉัยข้อกฎหมายได้ อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ข้อ 3(ข) ประกอบมาตรา 247 ศาลฎีกาให้ยกคำพิพากษาของศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2507 โจทก์ได้เช่าตึกแถวเลขที่ 31 จากจำเลยมีกำหนด 2 ปี นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2508 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2509 ค่าเช่าเดือนละ 625 บาท ได้ชำระค่าเช่าให้จำเลยรับไปในวันทำสัญญารวดเดียว 2 ปี เป็นเงิน 15,000 บาท วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2508 เกิดเพลิงไหม้ตึกที่เช่าหมด สัญญาเช่าจึงระงับ จำเลยมีหน้าที่ต้องคืนเงินที่รับล่วงหน้าเกินไป14,125 บาท ให้โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเงินจำนวนดังกล่าวและดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าตึกแถวดังกล่าวจากเทศบาล หลังจากเพลิงไหม้ทางการเทศบาลได้จัดสถานที่ให้ผู้ประสบภัยสร้างอาคารทำการค้าชั่วคราว โจทก์ได้ให้จำเลยโอนสิทธิครอบครองพื้นที่จัดสร้างตามสิทธิของจำเลยให้โจทก์เป็นการชดเชยตึกแถวเช่าช่วงที่ถูกเพลิงไหม้ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องเงินคืนหรือเรียกค่าเสียหาย

ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยวินิจฉัยว่า เพลิงไหม้ตึกแถวที่เช่าเป็นเหตุพ้นวิสัยซึ่งจำเลยไม่ต้องรับผิด จำเลยเป็นอันหลุดพ้นจากการชำระหนี้นั้นต่อไป โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินที่ได้ชำระหนี้ให้จำเลยไปคืน พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 372 วรรคแรก โจทก์มีสิทธิเรียกเงินค่าเช่าล่วงหน้าคืนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2508 พิพากษากลับให้จำเลยคืนเงิน 13,750 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อตึกแถวซึ่งเป็นวัตถุแห่งการเช่าซึ่งโจทก์เช่าจากจำเลยถูกไฟไหม้หมดสิ้น สัญญาเช่าก็ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 567 และการชำระก็ตกเป็นการพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ไม่ได้ลูกหนี้ก็หามีสิทธรับชำระหนี้ตอบแทนไม่ ดังบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 372 วรรคแรก แต่คดีนี้จำเลยได้ให้การสู้คดีไว้อีกว่า หลังจากเกิดเพลิงไหม้ตึกแถวแล้ว โจทก์ได้ให้จำเลยโอนสิทธิการครอบครองพื้นที่จัดสร้างอาคารในบริเวณตลาดชั่วคราวของจำเลยให้โจทก์เป็นผู้ใช้ประโยชน์เป็นการชดเชยตึกแถวที่เช่าช่วงที่ถูกเพลิงไหม้ จำเลยก็ยอมตามที่โจทก์เรียกร้องโจทก์ได้ครอบครองที่ดินใช้ประโยชน์ปลูกตลาดชั่วคราวตลอดมาจนบัดนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องเงินค่าเช่าคืนหรือค่าเสียหายใด ๆ จากจำเลยได้เป็นประเด็นอีกประเด็นหนึ่งและจำเลยก็ฎีกาประเด็นข้อนี้ขึ้นมาด้วย

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงข้อนี้โจทก์ไม่ได้รับ และศาลชั้นต้นก็สั่งงดสืบพยานของคู่ความเสีย ข้อเท็จจริงเรื่องโจทก์ได้รับโอนสิทธิการครอบครองที่ดินตรงถูกเพลิงไหม้จากจำเลยแล้วจริงหรือไม่ยังไม่ได้ความชัด จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงที่ศาลจะรับฟังเอามาวินิจฉัยข้อกฎหมายได้ อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ข้อ 3(ข) ประกอบมาตรา 247 คดีจึงจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป

พิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้ง 2 ศาล ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานของคู่ความเกี่ยวกับเรื่องโจทก์ได้รับโอนสิทธิการครอบครองที่ดินตรงตึกแถวที่ถูกเพลิงไหม้จากจำเลยแล้วจริงหรือไม่ แล้วพิพากษาคดีใหม่ตามรูปความ

Share