แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยพบผู้ตายกำลังทำชู้กับภริยาจำเลย ผู้ตายวิ่งหนีจำเลยไล่ฟันผู้ตายตาย ไม่เป็นการป้องกัน แต่เป็นการยั่วโทสะ
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2495 เวลากลางคืนจำเลยได้บังอาจขึ้นไปบนเรือนของนายเจ๊ะหะมิ สะและ แล้วใช้ขวานฟันนายเจ๊ะหะมิ สาและ หลายครั้ง โดยเจตนาจะฆ่าให้ตายนายเจ๊ะหะมิ สาและ ได้ถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลในคืนเกิดเหตุปรากฏตามรายงานชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง เหตุเกิดที่ตำบลกะลุวออำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249
จำเลยให้การว่า ได้ใช้ขวานฟันผู้ตายจริง เพราะผู้ตายกับนางคอลิเยาะภรรยาจำเลยลักลอบทำชู้กันมานานแล้ว ในวันเกิดเหตุจำเลยพบผู้ตายกับนางคอลิเยาะกำลังทำชู้กัน จำเลยบันดาลโทสะสุดจะอดกลั้น เมื่อผู้ตายกระโดดเรือนหนี จำเลยไล่ติดตามไปทันผู้ตายที่บนเรือนของผู้ตาย จึงได้ใช้ขวานฟันผู้ตาย
ศาลจังหวัดนราธิวาสพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยฟันผู้ตายเพราะจำเลยโกรธผู้ตายในเรื่องผู้ตายเคยกระทำชู้กับนางคอลิเยาะภรรยาจำเลยในวันก่อน ไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามกฎหมายจึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ให้จำคุกจำเลย 15 ปี จำเลยรับสารภาพว่าได้ฟันผู้ตายจริง เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ปรานีลดโทษให้จำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลย 10 ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว ฟังว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยบันดาลโทสะดังจำเลยให้การรับต่อศาล ผู้ตายเป็นคนไม่ดีทำชู้กับภรรยาจำเลยก่อเรื่องขึ้นก่อน ควรปรานีจำเลยอย่างมาก
ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ลดโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 55 ลงกึ่งหนึ่งจากกำหนดโทษ 15 ปีตามที่ศาลชั้นต้นวางบทกำหนดโทษไว้ คงเหลือโทษจำคุกจำเลย 7 ปี 6 เดือน จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา และก็ฟังได้ดังคำรับสารภาพของจำเลย จึงให้ลดโทษจำเลยลงอีกกึ่งหนึ่งตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 59 คงจำคุกจำเลยไว้ 3 ปี 9 เดือนนอกจากนี้คงพิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีเรื่องนี้แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ตายได้เคยลอบทำชู้กับภรรยาจำเลย ในคืนเกิดเหตุจำเลยได้พบผู้ตายกำลังทำชู้กับภรรยาของจำเลยที่เรือนร้างของนายดาโอ๊ะ ผู้ตายเห็นจำเลยก็ลุกขึ้นกระโดดจากเรือนวิ่งหนีจำเลยไล่ตามพบผู้ตายอยู่บนเรือนของผู้ตาย จึงใช้ขวานฟันผู้ตายเพราะโกรธผู้ตายว่าชู้กับภรรยา เป็นการหลู่เกียรติจำเลย จำเลยฎีกามาว่าได้กระทำการป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียงพอสมควรแก่เหตุ
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยกระทำเกรียวกราวดังนั้นความเสียเกียรติยิ่งมากขึ้น แต่ความอันแท้จริงจำเลยกระทำโดยโทสะ ซึ่งไม่สามารถจะยับยั้งในขณะนั้น หาใช่เรื่องป้องกันอะไรไม่ เพราะความเสียหายบังเกิดอยู่แล้ว ศาลอุทธรณ์ลดโทษจำเลยฐานถูกยั่วโทสะ แล้วลดโทษฐานปรานี คงเหลือโทษเพียง 3 ปี 9 เดือน เป็นการเหมาะสมแก่รูปคดีและถูกต้องตามบทกฎหมายแล้ว
จึงพิพากษายืนตาม ให้ยกฎีกาของจำเลย